ผุด “เมืองสร้างสุข” รองรับทุกช่วงวัย ยกระดับสังคมไทย

ผุด “เมืองสร้างสุข” รองรับทุกช่วงวัย ยกระดับสังคมไทย

เศรษฐกิจที่จะเติบโตดีและยั่งยืนได้นั้น รากฐานต้องมาจากสภาพสังคมที่แข็งแรง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาพื้นที่ต้นแบบด้านสังคม หรือ “เมืองสร้างสุข” (Happiness Social City) เป็นพื้นที่ที่คนทุกช่วงวัยสามารถเข้าไปใช้บริการได้

มีทั้งศูนย์บริการทางการแพทย์ ที่พักอาศัย ศูนย์ประชุมและสัมมนา ศูนย์ฝึกอบรมอาชีพ ห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ สนามกีฬา ฯลฯ ที่ออกแบบภายใต้หลักการยูนิเวอร์แซล ดีไซน์ (Universal Design)

พม.เลือกพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ และเป็นพื้นที่ที่มีหน่วยงานในสังกัด พม.อยู่รวมกันจำนวนมาก คือ พื้นที่ใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เป็นพื้นที่ราชพัสดุ 667 ไร่ สอดรับกับโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่กำหนดให้ จ.ชลบุรี เป็น 1 ใน 3 จังหวัดภาคตะวันออก ยกระดับความสามารถด้านเศรษฐกิจของประเทศ

หลังศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการเมืองสร้างสุขตั้งแต่ปี 2562 กระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ มีพิธีมอบหนังสืออนุญาตให้ใช้ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ชบ.219 (บางส่วน) ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เนื้อที่ประมาณ 649-0-72 ไร่ ระหว่างกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง กับกระทรวง พม. เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบด้านสังคม “เมืองสร้างสุข” มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดย นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. และ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ร่วมในพิธี

Advertisement

พล.อ.ประวิตรเกริ่นนำร่องว่า “เมืองสร้างสุข” นี้จะเป็นศูนย์เรียนรู้และอบรมด้านสวัสดิการสังคมในระดับอาเซียน และศูนย์ที่พักผู้สูงอายุแบบครบวงจร (Senior Complex) ภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ

“การนำพื้นที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล มอบให้ พม.ดำเนินโครงการพัฒนาให้เป็นไปตามแผนในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชลบุรีให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภายใต้เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์การดำเนินงานของอาเซียน ในการขับเคลื่อนแผนงานประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สูงวัยที่เพิ่มขึ้น” พล.อ.ประวิตรระบุ

ด้าน “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง เสริมว่า ตามที่กระทรวงการคลังมอบนโยบายให้กรมธนารักษ์ดำเนินการนำที่ดินราชพัสดุที่ส่งมอบคืนไปใช้พัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติมากที่สุด เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ดังนั้น การมอบที่ราชพัสดุให้กับ พม. เป็นไปตามแผนงานหลักโดยนำไปใช้พัฒนาให้เป็นพื้นที่ต้นแบบด้านสังคม “เมืองสร้างสุข” ที่พร้อมให้บริการกับประชาชน

Advertisement

ขณะที่ “จุติ ไกรฤกษ์” รัฐมนตรีว่าการ พม. แจกแจงรายละเอียดว่าโครงการเมืองสร้างสุข เป็นการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบทั้งด้านสังคมและเชิงพาณิชย์ สำหรับประชาชนทุกช่วงวัย เชื่อว่าจะก่อประโยชน์สูงสุดให้กับประชาชนทุกช่วงวัย สามารถมีพื้นที่สร้างสรรค์ทำกิจกรรมแบบครบวงจรอย่างมีมาตรฐาน และการเข้าถึงบริการด้านสังคมอย่างครอบคลุมและทั่วถึง สู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตในทุกมิติเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคม

เมืองสร้างสุขแบ่งพื้นที่เป็น 4 ส่วนคือ 1.พื้นที่ให้บริการกลุ่มเป้าหมายแบบครบวงจร (Center Club House) อาทิ ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จและนวัตกรรมครบวงจร ของแต่ละส่วนราชการ, ศูนย์ให้บริการทางการแพทย์ ให้บริการครบวงจรและได้มาตรฐานระดับสากล โดยกระทรวงสาธารณสุข, ศูนย์สร้างสุขเยาวชนและศูนย์เด็กปฐมวัยโดยกระทรวง พม., ศูนย์กีฬาครบวงจร โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, พิพิธภัณฑ์และห้องสมุดมีชีวิต, ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพครบวงจร (Wellness Center) ตลอดจนพื้นที่นันทนาการและทางเดินริมทะเล

2.ศูนย์บริการของหน่วยงาน พม.ในพื้นที่ อาทิ ให้บริการด้านสวัสดิการสังคมคนทุกช่วงวัย ตลอดจนการฝึกอาชีพสตรี คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส เป็นต้น

3.พื้นที่สำหรับให้บริการในเชิงพาณิชย์ เช่น ศูนย์ประชุมเมืองสร้างสุขและศูนย์ฝึกอบรมอาเซียนด้านสังคมสงเคราะห์และสวัสดิการสังคม เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจด้านการจัดการประชุมและการท่องเที่ยวในระดับนานาชาติ และเชื่อมโยงกับแผนการพัฒนาเศรษฐกิจอีอีซี, ศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ (OTOP Village), คอมมูนิตี้ มอลล์, โรงแรม, อพาร์ตเมนต์

“4.ศูนย์ที่พักอาศัยผู้สูงอายุแบบครบวงจร (Senior Complex) ประกอบด้วย ศูนย์การเรียนรู้และฝึกอบรมด้านผู้สูงอายุ
ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ ศูนย์ฟื้นฟูระบบนิเวศธารา (Ecological Preservation Area) สวนสาธารณะเมืองสร้างสุข ซึ่งอยู่ในการครอบครองของกรมกิจการผู้สูงอายุ เป็นพื้นที่ติดชายทะเล เนื้อที่ 48 ไร่” รมว.พม.แจกแจง

ขณะที่ “พัชรี อาระยะกุล” ปลัดกระทรวง พม. เสริมว่า โครงการเมืองสร้างสุข คาดว่าจะใช้เงินลงทุนถึง 1.6 หมื่นล้านบาท ด้วยการเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน หรือพีพีพี ภายใต้การยึดผลประโยชน์ของประชาชนต้องมาก่อน ทั้งนี้ หลังพิธีมอบหนังสืออนุญาตนี้ พม.จะเริ่มกระบวนการประกาศหาภาคเอกชนมาร่วมลงทุนต่อไป หากมีภาคเอกชนตอบรับมาร่วมลงทุนเร็ว โครงการก็เริ่มได้เร็ว

ปลัด พม.แง้มพิมพ์เขียวศูนย์ที่พักอาศัยผู้สูงอายุแบบครบวงจรให้ฟังว่า มี 2,000 ห้อง รองรับผู้สูงอายุ 2,000 คน เปิดให้ผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีสิทธิจองเพื่ออยู่อาศัยลักษณะเช่า และเช่าซื้อ โดยผู้สูงอายุจะผ่อนเอง หรือให้ลูกหลานผ่อนให้ก็ได้ ส่วนขนาดห้องและราคาจะเท่าไหร่ ตอนนี้ยังไม่ชัดเจน เพราะต้องศึกษาใหม่ เนื่องจากเดิมศึกษาไว้ตอนช่วงเศรษฐกิจดี

แต่ตอนนี้เศรษฐกิจเปลี่ยนไป คนที่มีกำลังซื้อ กำลังเช่าอาจลดลง ฉะนั้น จะต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกครั้ง เพื่อให้มีราคาที่เหมาะสม รองรับกลุ่มเปราะบางของ พม.ที่มีรายได้น้อย สามารถอยู่อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้

“เมืองสร้างสุข จะเป็นพื้นที่ที่ประชาชนทุกคนสามารถมาใช้บริการได้ ตั้งแต่เด็ก เยาวชน ผู้หญิง ผู้พิการ และคนทั่วไป สามารถนำครอบครัวมาทำกิจกรรมภายในได้ โดยเราเตรียมกิจกรรมมากมายไว้รองรับแล้ว” ปลัด พม.สรุป

เป็นอีกโครงการที่จะส่งเสริมพัฒนาด้านสังคมของประเทศให้เป็นสุข ควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่ อีอีซี ที่ยั่งยืนต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image