ปี 64 สปสช.นำร่องคลินิกการพยาบาลฯ 100 แห่ง เพิ่มความสะดวก ปชช.เข้าถึงบริการปฐมภูมิ

ปี 64 สปสช.นำร่องคลินิกการพยาบาลฯ 100 แห่ง เพิ่มความสะดวก ปชช.เข้าถึงบริการปฐมภูมิ

วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2564) นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า พยาบาล เป็นวิชาชีพที่มีความใกล้ชิดกับผู้ป่วย และมีศักยภาพในการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิ ภายใต้ระบบบริการสาธารณสุขของประเทศไทย “คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์” ที่ดำเนินการโดยผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ เป็นหนึ่งในสถานพยาบาลมาตรฐานตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานพยาบาลฯ ที่ได้ร่วมดูแลสุขภาพประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง เป็นระบบสุขภาพใหญ่ที่สุดของประเทศ ครอบคลุมดูแลประชากรผู้มีสิทธิกว่า 48 ล้านคน การจัดบริการสุขภาพให้เพียงพอ ดูแลประชาชนผู้มีสิทธิให้เข้าถึงบริการสุขภาพอย่างครอบคลุมและทั่วถึง ที่ผ่านมา สปสช. ได้จับมือกับหน่วยบริการทางการแพทย์ในด้านต่างๆ รวมถึงคลินิกการพยาบาลฯ ที่มีคุณภาพมาตรฐานตามวิชาชีพ เพื่อรองรับการให้บริการและดูแลสุขภาพประชาชนผู้มีสิทธิ

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า ภายหลังจากเมื่อช่วงปลายปี 2562 ที่ สปสช.ได้ร่วมกับสภาการพยาบาลนำร่องหน่วยบริการคลินิกการพยาบาลฯ ภายใต้ระบบบัตรทองในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) ปรากฎว่าได้รับการตอบรับด้วยดี เนื่องจากช่วยเพิ่มความสะดวกการเข้ารับบริการสุขภาพปฐมภูมิให้กับประชาชน และเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการสาธารณสุขในระบบบัตรทอง ลดการเข้ารับบริการในโรงพยาบาลที่สอดคล้องกับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ทั้งเป็นการปรับบริการสู่วิถีชีวิตใหม่ และสนับสนุนนโยบายเว้นระยะห่างทางสังคม ดังนั้นในปีงบประมาณ 2564 สปสช.ได้ขยายนำร่องการบริการคลินิกการพยาบาลฯ เพิ่มเติมในเขตเมืองใหญ่ เขตปริมณฑล และเศรษฐกิจภาคตะวันออก จำนวน 100 แห่ง ในพื้นที่ สปสช. เขต 1 เชียงใหม่, เขต 4 สระบุรี, เขต 6 ระยอง, เขต 9 นครราชสีมา และเขต 11 สุราษฎร์ธานี โดยได้เริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา

“คลินิกการพยาบาลฯ ที่เข้าร่วมบริการในระบบบัตรทองได้นั้น ต้องเป็นสถานบริการที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาล ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาลฯ และต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง เกณฑ์การตรวจประเมินเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2563 ต้องเปิดให้บริการอย่างน้อย 40 ชั่วโมง (ชม.) ต่อสัปดาห์ มีพยาบาลวิชาชีพปฏิบัติงานตลอดเวลาที่เปิดให้บริการอย่างน้อย 1 คน และให้บริการตามมาตรฐานวิชาชีพ ได้แก่ บริการการพยาบาลขั้นพื้นฐาน การบริหารยาตามแผนการรักษาแพทย์และบริการดูแลสุขภาพผู้ป่วยที่บ้าน (Home Health Care) ที่เชื่อมโยงการบริการกับหน่วยบริการประจำและหน่วยบริการที่รับการส่งต่อ โดยในการรับบริการแต่ละครั้งจะมีผู้ป่วยพิสูจน์ตนเองด้วยบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด” เลขาธิการ สปสช.กล่าว

Advertisement

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า สำหรับงบประมาณที่นำมาสนับสนุนการบริการนั้น สปสช.ได้จัดสรรงบประมาณค่าบริการสาธารณสุขเพิ่มเติมสำหรับการบริการระดับปฐมภูมิ (PHC) ปีงบประมาณ 2564 ในส่วนของหมวดการเพิ่มการเข้าถึงบริการ โดยหน่วยบริการร่วมให้บริการเพื่อสนับสนุนนโยบายเว้นระยะห่างทางสังคม ที่เป็นการลดความแออัด จำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งการเบิกจ่ายเป็นไปตามเงื่อนไขที่ สปสช.กำหนด

“นับเป็นหน่วยบริการอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ระบบบัตรทองได้เพิ่มเติมเพื่อเป็นทางเลือกหนึ่ง เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการดูแลสุขภาพปฐมภูมิเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคลินิกการพยาบาลฯ เป็นสถานพยาบาลที่กระจายตั้งอยู่ในชุมชน ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชนในการรับบริการ ทั้งนี้เป็นผลจากความร่วมมือระหว่างสภาการพยาบาล และ สปสช. ในการพัฒนาบริการรูปแบบใหม่ในระบบบัตรทองโดยมีประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง” เลขาธิการ สปสช.กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image