“วราวุธ” ห่วงลอบดักปลาทำลายปะการัง เตรียมประกาศ ห้ามทำประมง แหล่งปะการัง 17 แห่ง

“วราวุธ” ห่วงลอบดักปลาทำลายปะการัง “ปลัดจตุพร” สั่งใช้กฎหมายจัดการเด็ดขาด
“กรมทะเล” เตรียมประกาศมาตรการห้ามทำประมงบริเวณแหล่งปะการัง 17 แห่ง

ปัญหาเครื่องมือและอุปกรณ์ทำประมงทิ้งจมอยู่ใต้ทะเลโดยเฉพาะในพื้นที่แนวปะการัง ส่งผลให้แหล่งปะการังเสื่อมโทรมอย่างเห็นได้ชัด นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สั่ง หามาตรการจัดการโดยด่วน พร้อมมอบหมายนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ติดตามกำกับอย่างใกล้ชิด ก่อนพื้นที่กองหินใต้ทะเล จะกลายเป็นกองขยะใต้ทะเล ด้านกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เตรียมออกคำสั่งกำหนดการคุ้มครองทรัพยากรปะการังในบริเวณกองหินใต้น้ำใน 6 จังหวัด 17 พื้นที่ คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนเมษายน พร้อมกำหนดโทษรุนแรงจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) กล่าวว่า นับตั้งแต่ ตนได้มีโอกาสลงพื้นที่ดำน้ำกับครอบครัวในช่วงวันเกิดตน เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2563 บริเวณเกาะเต่า และได้พบลอบดักปลาผิดกฎหมายทำการประมงอยู่บนกองปะการัง จึงได้โพสต์เตือนชาวประมงว่ามีโทษหนักทั้งจำและปรับ ซึ่งตนได้สั่งการให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งดำเนินการเก็บลอบดักปลาเหล่านั้นแล้ว นอกจาก ลอบ อวนดักปลาจะเป็นปัญหาขยะทะเลแล้ว ยังทำความเสียหายต่อปะการัง ทั้งจากตอนยก ลาก ซึ่งทำให้ปะการังหักตายได้ นอกจากนี้ ตนได้ให้นโยบายในการหาแนวทางและมาตรการเพื่อควบคุม กำกับ และป้องกันเหตุการณ์เหล่านี้ ทั้งการประชาสัมพันธ์ การพัฒนากลไกการมีส่วนร่วมของชุมชนและชาวประมง รวมถึง การบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งตนได้เร่งรัดติดตามการดำเนินงานมาโดยตลอด และหากมีพื้นที่ใดที่อาจจะได้รับผลกระทบในลักษณะนี้ ให้กำหนดมาตรการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน นอกจากนี้ ตนได้มอบหมายให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการกำกับและบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจาก เรื่องนี้มีหลายหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบดูแล

Advertisement

“อย่าทำการประมงแบบเห็นแก่ตัวบนแนวปะการัง อีกทั้งยังจะทิ้งเศษเชือก เศษอวน หรือเครื่องมือประมงไว้อีกอุปกรณ์ประมงสามารถหาซื้อใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ ปะการังและความสมบูรณ์ของท้องทะเลไทย ไม่สามารถหาซื้อที่ไหนมาทดแทนได้อีก” นายวราวุธ กล่าว

 

Advertisement

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดทส. กล่าวว่า การดูแลแหล่งปะการังเป็นเรื่องที่ต้องใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ นักดำน้ำผู้มีประสบการณ์สูง และที่สำคัญ ได้แก่ ความใส่ใจและความร่วมมือของพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวทุกคน อย่างไรก็ตาม ตนได้เร่งรัดกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในการกำหนดพื้นที่คุ้มครองทางทะเล โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีแหล่งปะการังที่สมบูรณ์ ตามมาตรา 20 แห่ง พ.ร.บ. ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 ซึ่งอาจต้องใช้เวลาตามกระบวนการกฎหมาย แต่หากมีความจำเป็นต้องประกาศเป็นกรณีเร่งด่วนเพื่อป้องกันความเสียหายต่อทรัพยากร สามารถใช้อำนาจตามมาตรา 17 ตาม พ.ร.บ. ดังกล่าวได้เลย กระบวนการทางกฎหมายอาจจะต้องใช้เวลา แต่เมื่อกฎหมายเปิดช่องให้เราสามารถดำเนินการได้ทันที เราต้องทำทันที ซึ่งที่ผ่านมากรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเคยได้ประกาศมาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลไปแล้วหลายฉบับ อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้สำรวจพื้นที่แหล่งปะการังอื่นเพิ่มเติม และหากจำเป็นต้องประกาศเพิ่มก็ให้เร่งดำเนินการทันที

ด้านนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วน  ทช.  ได้ระดมนักดำน้ำดำเนินการจัดเก็บลอบดักปลาที่จมทิ้งอยู่ใต้ทะเล รวมถึงเศษเชือก อวน บริเวณเกาะเต่า และดำน้ำสำรวจอีกหลายพื้นที่ และได้ประกาศคำสั่งกำหนดมาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังในบริเวณกองหินใต้น้ำไปแล้วตามที่ท่านปลัดได้กล่าว อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่สนธิกำลังกับผู้ที่เกี่ยวข้อง สำรวจแหล่งกองหินใต้น้ำในหลายพื้นที่ โดยล่าสุด เมื่อวานนี้ (25 มีนาคม) ตนได้ลงนามในคำสั่งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 464/2564 เรื่อง การคุ้มครองทรัพยากรปะการังในบริเวณพื้นที่กองหินใต้น้ำพื้นที่จังหวัดจันทบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดชุมพร จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดปัตตานี และจังหวัดพังงา ซึ่งมีพื้นที่กองหินใต้น้ำ เพิ่มเป็น 17 แห่ง อยู่ระหว่างรอลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะประกาศได้ภายในเดือนเมษายน 2564 และมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่ประกาศ

 

ซึ่งตามคำสั่งนี้ จะห้ามบุคคลใดเข้าไปทำการประมง ลอบ อวนทุกชนิดในบริเวณแนวปะการังใน 17 พื้นที่ ได้แก่ กองหินอ้ายลอบ อำเภอท่าใหม่ กองหินผุด อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี กองหินอันซีน (Unseen) อำเภอเมือง กองหินเพิง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง กองหินเจนทะเล กองหินพุ่ม อำเภอละแม จังหวัดชุมพร กองหินชุมพร กองหินวง เกาะกงทรายแดง กองหินตุ้งกู กองหินใบ กองหินเกาะว่าว เกาะตุ้งกู เกาะตุ้งกา อำเภอเกาะพะงัน กองหินคันธุลี อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกาะโลซิน จังหวัดปัตตานี กองหินหมูสัง เกาะดอกไม้ อำเภอเกาะยาว กองหินอีแต๋น พื้นที่อุทยานการเรียนรู้ใต้ทะเลเขาหลัก อำเภอตะกั่วป่า และกองหินริเซลิว อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ทั้งนี้ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ทาง ทช. ได้เร่งรัดมาตรการประชาสัมพันธ์และการสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการกำกับและดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว รวมทั้ง เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดการท่องเที่ยวภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อีกด้วย อธิบดีกรม ทช. กล่าวทิ้งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image