‘อธิบดีน้ำบาดาล’ เปิดตัว ‘น้ำแร่โซดารสใหม่’ แหล่งห้วยกระเจา เผยผลงานเจาะน้ำบาดาลแก้ปัญหาให้ ปชช.

กรณีที่ อ.ห้วยกระเจา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้งมาอย่างยาวนาน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเร่งสำรวจและเจาะน้ำบาดาลอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือประชาชนบรรเทาปัญหาภัยแล้งขาดแคลนน้ำ

ปัจจุบันดำเนินการเจาะบ่อน้ำบาดาลใน 2 หมู่บ้าน คือ บ้านพยอมงาม หมู่ 12 มีประชาชนได้ประโยชน์ 7 หมู่บ้าน จำนวน 2,369 คน หรือ 709 ครัวเรือน และ บ้านทุ่งคูณ หมู่ 19 มีประชาชนได้รับประโยชน์ 9 หมู่บ้าน จำนวน 4,989 คน หรือ 2,015 ครัวเรือน สามารถผลิตน้ำมาใช้ประโยชน์ได้กว่า 170,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี

พื้นที่ดังกล่าวมีโครงสร้างทางอุทกธรณีวิทยาที่มีความซับซ้อน และมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีศักยภาพในการเป็นแหล่งกักเก็บน้ำบาดาลแห่งใหม่ โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาลจะมีการออกแบบระบบประปาบาดาลขนาดใหญ่เพื่อส่งน้ำในระยะไกล ให้ประชาชนมีน้ำบาดาลเป็นแหล่งน้ำต้นทุน ที่มั่นคงและพอเพียงสำหรับความต้องการใช้น้ำในการอุปโภคบริโภคและเกษตรกรรม

ส่วนพื้นที่บ้านทุ่งคูณ หมู่ 19 ที่เจาะพบว่า เป็นน้ำที่มีความซ่าคล้ายโซดา มีแร่ธาตุสูง สามารถนำมาผลิตเป็นน้ำแร่ดื่มได้นั้น ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีประชาชนแวะเวียนไปเยี่ยมชมและรับน้ำดื่มบรรจุขวดอย่างไม่ขาดสาย

Advertisement

ก่อนหน้านี้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ผลิตน้ำแร่โซดาบรรจุขวดเพื่อแจกจ่ายให้แก่ประชาชนไปแล้ว วันนี้จึงมีการแถลงข่าวแนะนำ “น้ำแร่โซดารสชาติใหม่” จากห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ที่มาพร้อมบรรจุภัณฑ์แบบขวดแก้วสีเขียวใส ขนาดบรรจุ 270 มิลลิลิตร ลักษณะเด่นเฉพาะ คือ การเพิ่มความซ่าแบบโซดาด้วยการเติมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงไปในน้ำที่ผ่านการกรองอย่างถูกหลักอนามัยแล้ว ทำให้ได้รสชาติเหมือนดื่มน้ำจากปากบ่อน้ำพุโซดาพื้นที่ห้วยกระเจาจริงๆ พร้อมกันนี้ยังได้เชิญชวนให้สื่อมวลชนทดลองดื่มเป็นครั้งแรกด้วย

นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาล โดยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ตั้งแต่ปี พ.ศ.2551-2563 รวมทั้งสิ้น 18,220 แห่ง

นายศักดิ์ดากล่าวว่า ปริมาณน้ำที่สามารถพัฒนาเพื่อการอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น จำนวน 400 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี จำนวนครัวเรือนที่ได้รับประโยชน์ 2,102,325 ครัวเรือน และโครงการน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร ตั้งแต่ปี พ.ศ.2556-2563 รวมทั้งสิ้นจำนวน 11,111 แห่ง ปริมาณน้ำบาดาลที่สามารถพัฒนาเพื่อการเกษตรเพิ่มขึ้น จำนวน 364 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี พื้นที่เกษตรกรรมมีแหล่งน้ำบาดาลเพิ่มขึ้น จำนวน 424,800 ไร่

Advertisement

ด้าน นายสิทธิศักดิ์ มั่นอยู่ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนโยบายและแผน (งานทรัพยากรน้ำบาดาล) กล่าวว่า ภาพรวมประเทศไทย ประกอบด้วย ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล อยู่ในพื้นที่แอ่งเจ้าพระยาตอนล่าง มีชั้นน้ำบาดาลทั้งหมด 8 ชั้น ซึ่งมีความลึกสุดของบ่อน้ำบาดาลที่ใช้น้ำปัจจุบันอยู่ที่ความลึก 600 เมตร พื้นที่ภาคกลางอยู่ในแอ่งเจ้าพระยาตอนบนมีชั้นน้ำบาดาล 3 ชั้น ความลึกโดยเฉลี่ย 300 เมตร พื้นที่ภาคเหนือ มีแอ่งน้ำบาดาลใหญ่ๆ เช่น แอ่งเชียงใหม่-ลำพูน มีความลึกของน้ำบาดาลอยู่ที่ 170 เมตร โดยน้ำบาดาลอยู่ในชั้นตะกอน และชั้นหินแข็ง

นายสิทธิศักดิ์กล่าวว่า พื้นที่ภาคใต้มีแอ่งน้ำบาดาลใหญ่ๆ คือ แอ่งหาดใหญ่มีความลึกโดยเฉลี่ย 170 เมตร ซึ่งน้ำบาดาลอยู่ในหินแข็ง หินแกรนิต หินแปร หินทราย ขึ้นอยู่กับลักษณะของรอยแตกที่มีน้ำบาดาลสะสมอยู่ ชั้นน้ำบาดาลแต่ละพื้นที่มีความลึกแตกต่างกัน ในพื้นที่ภาคอีสาน ชั้นน้ำบาดาลเวลาเจาะลึกต้องระวังเรื่องความเค็มเพราะมีชั้นหินเกลือหนาวางตัวอยู่ใต้ดินในบางพื้นที่

นายสุรินทร์ วรกิจธำรง ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาน้ำบาดาล กล่าวเพิ่มเติมว่า ขั้นตอนการสำรวจและพัฒนาน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ประโยชน์ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล จะดำเนินการอย่างรอบคอบและรัดกุมถึง 10 ขั้นตอน ดังนี้ 1) วิเคราะห์ข้อมูล 2) สำรวจภาคสนาม 3) คัดเลือกสถานที่ 4) เจาะบ่อน้ำบาดาล 5) ออกแบบและก่อสร้างบ่อน้ำบาดาล 6) พัฒนาบ่อน้ำบาดาล 7) สูบทดสอบปริมาณน้ำบาดาล 8) วิเคราะห์คุณภาพน้ำ 9) ออกแบบระบบกระจายน้ำ และ 10) การถ่ายทอดเทคโนโลยี

นายสุรินทร์กล่าวว่า นอกจากนี้ ภารกิจในการเจาะบ่อน้ำบาดาลของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล จะมีรถเจาะที่มีความสามารถเจาะได้ถึง 400 เมตร หลุมเจาะบ่อน้ำบาดาลส่วนใหญ่ดำเนินการในพื้นที่หาน้ำยาก มีการปิดผนึกข้างบ่อเป็นอย่างดี บ่อน้ำบาดาลจะมีชุดปิดปากบ่อน้ำบาดาลแบบป้องกันน้ำท่วม มีฐานคอนกรีตเพื่อป้องกันสารปนเปื้อนเข้าสู่ชั้นน้ำบาดาล มีอายุการใช้งาน 15-20 ปี มีการวิเคราะห์คุณภาพน้ำบาดาลเพื่อให้ทราบคุณลักษณะต่างๆ ก่อนนำไปใช้อุปโภคบริโภคเพื่อความปลอดภัยของประชาชน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image