ป่วยโควิดพุ่งทะลุพันรายต่อวัน จ่อล็อกดาวน์พื้นที่ 9 จว.แดงเข้ม ชง “งดปาร์ตี้-เวิร์กฟรอมโฮม”

ป่วยโควิดพุ่งทะลุพันรายต่อวัน จ่อล็อกดาวน์พื้นที่ 9 จว.แดงเข้ม ชง “งดปาร์ตี้-เวิร์กฟรอมโฮม”

สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ยังน่าเป็นห่วงโดยพบผู้ป่วยรายใหม่มากกว่าพันรายต่อวันนั้น

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 14 เมษายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ขณะนี้แผนที่ประเทศไทยพบผู้ป่วยรายใหม่ใน 42 จังหวัด แต่การระบาดยังอยู่ใน 9 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ชลบุรี สมุทรปราการ นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสาคร ปทุมธานี และสระแก้ว ส่วนใหญ่จะเกิดจากนักเที่ยวในสถานบันเทิงที่ติดเชื้อ และกลับไปบ้าน เกิดการกระจายติดเชื้อไปสู่คนในครอบครัว ดังนั้น หากตัดวงจรการเดินทางได้จะช่วยในการควบคุมโรค

นพ.โอภาสกล่าวว่า แนวโน้มสถานการณ์การระบาดค่อนข้างเร็ว มี 9 จังหวัดสีแดงที่มีอัตราการติดเชื้อมากกว่าวันละ 100 รายต่อวัน คือ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ชลบุรี สมุทรปราการ นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสาคร ปทุมธานี และสระแก้ว จังหวัดเหล่านี้จำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมการเคลื่อนที่ของคนไม่ว่าจะเข้าหรือออก ควบคุมจุดเสี่ยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานบันเทิง รวมถึงการจัดปาร์ตี้ส่วนบุคคล เพราะขณะนี้มีรายงานการติดเชื้อในครอบครัว และการปาร์ตี้ส่วนบุคคลก็มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก มีการอยู่ใกล้ชิดกัน ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นพฤติกรรมเสี่ยงไม่แตกต่างจากผับ บาร์ สำหรับการควบคุมผู้เดินทางเข้าออกไม่ได้หมายความว่าให้ล็อกดาวน์จังหวัดสีแดง แต่คณะกรรมการโรคต่อจังหวัดต้องออกมาตรการที่เข้มงวดเหมาะสม ถ้ายังมีตัวเลขติดเชื้อเกินร้อยรายต่อวันติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็ให้พิจารณามาตรการอย่างเข้มงวด

Advertisement
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์

ทั้งนี้ นพ.โอภาสกล่าวว่า ล่าสุด นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ราชการทำงานที่บ้านเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยควบคุมการระบาดได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากขณะนี้ที่มีรายงานการติดเชื้อในรอบ 24 ชั่วโมงกว่าพันราย ดังนั้นต้องเพิ่มมาตรการเข้มขึ้น
“มาตรการต่างๆ จะมีการเสนอเข้าที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 สธ. (ศปก.สธ.) ที่มี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ.เป็นประธาน ในวันที่ 15 เมษายน และที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ สธ.เป็นประธาน ซึ่งทำงานควบคู่กันไป โดยจะเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ต่อไป” นพ.โอภาสกล่าว

ด้านพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับ สธ. กำลังพิจารณามาตรการอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น อาจต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ เช่น กทม.และปริมณฑล เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ และภาคตะวันออกบางจังหวัด แต่การประกาศมาตรการใดๆ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) จะต้องฟังข้อมูลจากทีมงานของ สธ.เป็นหลัก

พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการเมื่อวันที่ 13 เมษายนให้เตรียมยกระดับ โดยขณะนี้ทีมงานได้เตรียมการไว้แล้ว เช่น การยกระดับพื้นที่ที่ผ่อนคลายให้เป็นพื้นที่สีแดง ทั้งนี้ นโยบายรายพื้นที่จะไม่ทำเหมือนกันทั้งประเทศ เพราะจะกระทบประชาชน ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ต่อการนำมาตรการล็อกดาวน์ใช้ในพื้นที่แต่ต้องรอฟังข้อมูลจากสาธารณสุขอีกครั้ง

พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า มาตรการล็อกดาวน์คือการห้ามเข้า-ออกในพื้นที่จังหวัดควบคุม หรือหมายถึงพื้นที่ควบคุมสีแดงเข้ม โดยในวันที่ 15 เมษายน สธ.จะเสนอการยกระดับพื้นที่ให้ทาง ศบค.ชุดเล็ก พิจารณาอีกครั้ง ขณะ เดียวกันศบค.เป็นห่วงกลุ่มคนที่เสี่ยงติดเชื้อ หรือคนที่เข้าไปในพื้นที่เสี่ยง หรือคนติดเชื้อแล้วยังไปที่พื้นที่สาธารณะ จึงขอความร่วมมือกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต้องกักตัวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ ส่วนโรงพยาบาลสนามที่รัฐบาล และ ศบค.จัดเตรียมไว้เพียงพอกับการรองรับผู้ติดเชื้อโควิด

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า กรณี ศบค. ชุดเล็ก ที่มี พล.อ.ณัฐพล เป็นประธาน เพื่อหารือกับ สธ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณายกระดับมาตรการป้องกันโควิด-19 ซึ่งอาจต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ เพื่อเสนอนายกฯที่เรียกประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 16 เมษายนนี้ โดยจะเป็นการประชุมแบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image