คพ.ดูดน้ำมันรั่ว 1.5 แสนลิตร บริษัท ประภากร ออยล์ ไฟไหม้
วันที่ 29 เมษายน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เปิดเผยว่า จากกรณี เกิดเหตุเพลิงไหม้บริษัท ประภากร ออยล์ จำกัด ท้องที่ ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2564 ซึ่งที่เกิดเหตุประกอบกิจการค้าน้ำมันหล่อลื่น มีน้ำมันในโกดังประมาณ 280,000 ลิตร ทำให้เพลิงลุกไหม้น้ำมันเป็นบริเวณกว้าง รถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลอ้อมใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียงกำลังเข้าระงับเหตุ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครปฐมได้ประสานศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยเขต 1 ปทุมธานี ร้องขอรถดับเพลิงชนิดโฟม เข้าระงับเหตุ
อรรถพล เจริญชันษา
นายอรรถพล กล่าวว่า คพ. โดยหน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมที่ 5นครปฐม ได้ติดตามสถานการณ์เฝ้าระวังผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ในด้านคุณภาพอากาศไม่กระทบต่อประชาชน การปนเปื้อนของน้ำมันต่อแหล่งน้ำสาธารณะบริเวณใกล้เคียง พบคราบน้ำมันและน้ำจากการดับเพลิงไหลลงสู่ท่อระบายน้ำด้านหน้าติดถนนเพชรเกษมตามท่อระบายน้ำลงสู่คลองไส้ไก่ ไหลลงสู่คลองอ้อมใหญ่ หลังวันเกิดเหตุได้ปิดประตูระบายน้ำคลองอ้อมใหญ่ป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันไหลลงสู่แม่น้ำท่าจีน และเทศบาล ต.อ้อมใหญ่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับ บริษัท เอส.พี.เอส สเปเชียลตี้ส์ จำกัด ดำเนินการฉีดสารกำจัดคราบน้ำมัน และวางทุ่นลอยป้องการแผ่กระจายของน้ำมันบนผิวน้ำ ส่วนน้ำที่ใช้ในการดับเพลิงที่ผสมกับคราบน้ำมันที่อยู่ในท่อระบายน้ำด้านหน้าถนนบริเวณที่เกิดเหตุ บริษัทจะใช้รถมาดูดคราบน้ำมันไปกำจัดอย่างถูกต้อง
นายอรรถพล กล่าวว่านายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีทส.ในเรื่องผลกระทบกับประชาชน ทราบว่า เทศบาลตำบลอ้อมใหญ่ ได้สำรวจความเดือดร้อนของประชาชน มีประมาณ 80 ครัวเรือน ทางเทศบาลและบริษัท ประภากร ออยล์ จำกัด ได้ให้ความช่วยเหลือและสร้างความเข้าใจเรียบร้อยแล้ว ในส่วนการจัดการจัดการสิ่งแวดล้อม การดูดเก็บน้ำมันที่ไหลออกนอกบริษัททั้งหมด ปัจจุบันดูดน้ำมันไปกำจัดได้จำนวน 150,000 ลิตร จะต้องใช้เวลาประมาณ 15 วันถึงจะเป็นปกติ และทางกรมจะต้องตามไปดูเรื่องการนำไปกำจัดของบริษัทผู้รับจ้างอีกว่ากำจัดถูกต้องหรือไม่ โดยจะมอบหมายให้หน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมที่ 13 ชลบุรีเป็นผู้ติดตามตรวจสอบ ในส่วนของน้ำมันที่ยังตกค้างในบริษัทอีก 100,00 กว่าลิตร ก็จะต้องควบคุมไม่ให้ระบายออกสู่ภายนอกและต้องนำไปกำจัดให้ถูกวิธีเช่นกัน ซึ่งทาง คพ.จะติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง และตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมหลังจากการดำเนินการแก้ไขปัญหาจนเสร็จสิ้นแล้วต่อไป
