สธ.เผยโควิดคร่าผู้ป่วยใน รพ. 2 ราย คาดติดจากญาติที่ไปเยี่ยม

สธ.เผยโควิดคร่าผู้ป่วยใน รพ. 2 ราย คาดติดจากญาติที่ไปเยี่ยม

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงรายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกพบรายใหม่ 7.9 แสนราย โดยครึ่งหนึ่งเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศอินเดีย ขณะเดียวกัน ในทวีปเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น ประเทศที่กำลังจะจัดมหกรรมแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ของโลก พบผู้ป่วยรายใหม่ 4,664 ราย กัมพูชา 388 ราย และ ลาว 64 ราย โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อใหม่สูงสุด 10 ประเทศแรกของโลก ได้แก่ อินเดีย บราซิล สหรัฐอเมริกา ตุรกี ฝรั่งเศส เยอรมนี โคลัมเบีย อิหร่าน อาร์เจนตินา และอิตาลี ส่วนผู้เสียชีวิตรายใหม่ 10 ประเทศแรก ได้แก่ อินเดีย บราซิล สหรัฐอเมริกา โคลัมเบีย เม็กซิโก โปแลนด์ รัสเซีย ตุรกี ยูเครน และอิหร่าน

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยวันนี้พบผู้ป่วยใหม่ 1,940 ราย สะสม 68,984 ราย และผู้เสียชีวิตรายใหม่ 21 ราย สะสม 245 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.38 โดยผู้เสียชีวิต 2 ราย มีประวัติติดเชื้อขณะที่นอนอยู่ในโรงพยาบาล (รพ.) ซึ่งการอธิบายตรงนี้ คือ เมื่อญาติเข้าเยี่ยม ดังนั้นจึงขอให้มีความเข้มงวดในการป้องกันโรค สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างและล้างมือ ขณะที่ ผู้ป่วยรักษาหายเพิ่มขึ้น 1,183 ราย

“ต้องเรียนว่า เมื่อเราดูจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่รายงานก่อนหน้านี้ โดยต้องใช้เวลาในการรักษา ฉะนั้น จำนวนผู้ที่รักษาหายในช่วงนี้ก็จะค่อยๆ ไต่จาก 1,000 เป็น 2,000 รายต่อวัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้น เริ่มต้นเมื่อวันที่ 14 เมษายน จำนวน 1,338 ราย ต่อมาระหว่างวันที่ 16-22 เมษายน ตัวเลขทรงตัวที่ 1,400-1,500 ราย และหลังจากนั้นขยับยกตัวขึ้น แต่นับตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา จนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ผู้ป่วยก็จะเริ่มหายมากขึ้นต่อเนื่อง และกรณีผู้เสียชีวิตในช่วงเวลาประมาณ 3-10 วันหลังพบเชื้อ ฉะนั้น จำนวนผู้เสียชีวิตจะคงตัวระดับนี้ไปอีกระยะหนึ่ง” นพ.เฉวตสรร กล่าว

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ข้อมูลการเสียชีวิตพบว่า ระลอกใหม่เดือนเมษายน 2564 มีจำนวนมากกว่ารอบเดือนธันวาคม 2563 แต่หากเรียงตามกลุ่มอายุ พบว่า ระลอกเดือนมกราคม 2563 ในกลุ่มอายุ 20-29 ปี อัตราเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 0.09 ไล่ขึ้นมาจนถึงกลุ่มอายุ 70 ปีขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 11.72 ส่วนระลอกเดือนธันวาคม 2563 และเดือนเมษายน 2564 ก็มีการไล่เรียงตามกลุ่มอายุจากน้อยไปมากเช่นกัน

Advertisement

“สถานการณ์ของประเทศไทย ขณะนี้ผู้ป่วยกลุ่มสีแดง สีเหลือง และสีเขียว มีระยะเวลารอคอยเตียงลดลง จากเดิมที่ต้องใช้เวลาประสานพอสมควร แต่ขณะนี้ กรมการแพทย์ เป็นเจ้าภาพในการประสานร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายทั้งหมด มั่นใจได้ว่า ผู้ที่ตรวจแล้วมีผลเป็นบวก ก็จะรอเตียงไม่เกิน 48 ชั่วโมง ก็จะจัดการเรื่องเตียงได้ เนื่องจากมีช่องทางในการติดต่อ คือ สายด่วน 1668 ก็เชื่อว่าจะคลี่คลายความกังวลให้ประชาชนได้” นพ.เฉวตสรร กล่าว

นพ.เฉวตสรร กล่าวถึงผลการการคัดกรองเชิงรุกในชุมชนคลองเตย ว่า เมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่ชุมชน 70 ไร่ คัดกรอง 433 ราย พบเชื้อ 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 5 ส่วนที่วัดสะพาน คัดกรอง 489 ราย พบเชื้อ 29 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และ เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ชุมชนพัฒนาใหม่ คัดกรอง 411 ราย พบเชื้อ 49 ราย คิดเป็นร้อยละ 12

Advertisement

นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า สถานการณ์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ – วันที่ 1 พฤษภาคม สะสม 1,484,565 โดส แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 1,097,862 รายและผู้ที่ได้ครบ     โดสตามเกณฑ์อีก 386,703 ราย ทั้งนี้ สถานการณ์ของโลกหลังฉีดวัคซีน พบว่า วัคซีนไม่ใช่ทางออกเดียว ต้องมีมาตรการป้องกันโรคควบคู่กันไปด้วยจึงได้ผลดี ยกตัวอย่างใน อิสราเอล ที่มีการฉีดแล้ว ร้อยละ 62.4 ของประชากร แต่อัตราการเสียชีวิตต่อประชากร 1 ล้านคนยังอยู่ที่ร้อยละ 0.28 และสหรัฐอเมริกา ฉีดแล้ว ร้อยละ 43.3 อัตราเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 2.15 ขณะที่ ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว ร้อยละ 1.5 แต่อัตราเสียชีวิตเพียง ร้อยละ 0.17

“ชี้ให้เห็นว่า แม้ฉีดวัคซีนสูง แต่ต้องมีมาตรการอื่นประกอบด้วย ประเทศไทยในช่วงเริ่ม ที่มีวัคซีนไม่มากนัก ครอบคลุมประชากรเพียง ร้อยละ 1.5 แต่เรามีมาตรการควบคุมการระบาดด้วยการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างและล้างมือ ดังนั้น ขอให้มั่นใจและสื่อสารกับประชาชนว่า วัคซีนไม่ใช่มาตรการเดียว สิ่งที่เราทำอยู่เป็นเรื่องดีอยู่แล้ว และสามารถทำต่อเนื่องเพื่อให้การควบคุมโรคได้ผลดี” นพ.เฉวตสรร กล่าว

ด้าน นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา โฆษกกรมอนามัย กล่าวว่า ข้อมูลการลงทะเบียนจองคิวรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ผ่านไลน์บัญชีทางการและแอพพลิเคชั่น “หมอพร้อม” ณ เวลา 14.00 น. มีผู้ลงทะเบียนรวม 499,873 ราย แบ่งเป็นผ่านไลน์ 379,653 ราย และแอพพ์อีก 120,220 ราย โดยเชื่อว่าวันนี้จะมีการจองเข้ามาอีกทะลุ 6 แสนราย โดยเน้นย้ำว่าแอพพ์หมอพร้อมจะมีโลโก้พื้นหลังสีเขียวและตัวอักษรสีขาว เขียนว่า “หมอพร้อม”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image