สธ.แจงปมฉีดวัคซีนโควิดให้ทูต ยันเป็นเอกสิทธิ์แต่ละประเทศ ไม่ได้รับรายงาน

สธ.แจงปมฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ทูต ยันเป็นเอกสิทธิ์แต่ละประเทศ ไม่ได้รับรายงาน

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงชี้แจงกรณีพบว่ามีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้กับชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบาลชัดเจนว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 จะฉีดให้กับทุกคนในแผ่นดินไทยโดยความสมัครใจ หมายความว่าบุคคลใดที่อยู่ในประเทศไทย หากสมัครใจและมีข้อบ่งชี้ ไม่มีข้อห้าม ก็จะได้รับการฉีดทั้งหมด

“นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประเทศ จะต้องฉีดอย่างน้อยร้อยละ 70 ของประชากร จากการคำนวณทั้งคนไทย คนต่างชาติที่ทำงานอยู่ในแผ่นดินไทย รวมทั้งทูตานุทูตรวมแล้วราว 70 ล้านคน โดยคนไทย 67 ล้านคน และคนต่างชาติที่อยู่ในไทยอีกประมาณ 3 ล้านคน ซึ่งเมื่อคิดในร้อยละ 70 ทำให้ยอดฉีดวัคซีนในแผ่นดินไทย เท่ากับ 50 ล้านคน โดย 1 คน จะได้รับวัคซีน 2 โดส ฉะนั้น ยอดวัคซีนที่ต้องจัดหาจะอยู่ที่ 100 ล้านโดส” อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว

นพ.โอภาสกล่าวว่า ส่วนประเด็นที่มีข้อซักถามพบว่ามีการฉีดวัคซีนให้คนต่างชาติ หรือคณะทูตานุทูต มีหลักปฏิบัติอย่างไรนั้น เรายึดตามสากล ด้วยความเคารพ และให้เกียรติ การให้วัคซีนตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ทั้งหมด ยึดหลักเกณฑ์เหมือนกันคนไทย และไม่มีใครฉีดก่อน ฉีดหลัง การฉีดวัคซีนเป็นไปตามความสมัครใจเป็นไปตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์และสาธารณสุข ขอยืนยันว่า ทุกคนในแผ่นดินไทยได้ฉีดวัคซีนพร้อมเพรียงกัน และใกล้เคียงกันตามหลักทางการแพทย์และสาธารณสุข

“ท่านรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ สธ. (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) พูดเสมอว่า จะไม่มีใครปลอดภัย หากทุกคนยังไม่ปลอดภัย จึงได้สั่งการให้จัดสถานที่ฉีดวัคซีนเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน และคณะทูตานุทูต ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้จัดคลินิกบริการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม นอกจากโรงพยาบาล (รพ.) ภาครัฐ และ รพ.เอกชน ยังมีคลินิกเพิ่มเติมที่อาคารบางรัก อยู่ใจกลางเมือง มีรถไฟฟ้า เพราะบริเวณนั้นใกล้สถานทูตต่างๆ และมีชาวต่างชาติที่พำนักและทำงานในประเทศไทยอาศัยอยู่มาก” นพ.โอภาสกล่าว

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากทูตานุทูตแต่ละประเทศมีความประสงค์ให้ประเทศต้นทางส่งวัคซีนมาเพื่อฉีดในสถานทูตประจำประเทศไทย ทำได้หรือไม่ นพ.โอภาสกล่าวว่า การส่งวัคซีนของแต่ละประเทศอยู่ภายใต้เอกสิทธิ์ของการทูต และ สธ.จะไม่ได้รับข้อมูลในส่วนนี้ เนื่องจากคณะทูตในสถานทูตแต่ละประเทศต่างก็มีเอกสิทธิ์ตามหลักสากล

เมื่อถามต่อว่า ขณะนี้มีรายงานว่าสถานทูตแต่ละประเทศในไทยเริ่มฉีดวัคซีนไปมากน้อยอย่างไร นพ.โอภาส กล่าวว่า เนื่องจากเป็นเอกสิทธิ์ของสถานทูต ทาง สธ.จึงไม่อาจก้าวล่วงได้ และไม่ได้รับแจ้งหรือรับข้อมูลดังกล่าว

“การปฏิบัติต่อทูตานุทูต ด้วยความเคารพและให้เกียรติเป็นไปตามหลักสากล ย้ำว่า สธ.ไม่ได้รับแจ้งว่ามีการนำวัคซีนอะไรเข้ามาผ่านหน่วยงานของ สธ. ทั้งนี้ เราได้จัดเตรียมสถานที่ฉีดวัคซีนเพิ่มเติมที่อาคารบางรัก เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนไทยและคนต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทยเท่านั้น” นพ.โอภาสกล่าว

Advertisement

เมื่อถามว่า ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทยรวมถึงแรงงานต่างด้าว จะรับบริการฉีดวัคซีนอย่างไร นพ.โอภาสกล่าวว่า ที่ผ่านมา ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับแรงงานต่างชาติ จ.สมุทรสาคร ไปจำนวนมาก ซึ่งมีการรับรองจากนายจ้าง หรือจากสถานที่ทำงานว่า เขาทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศไทยจริง ดังนั้น ทางหน่วยงานก็สามารถรวบรวมรายชื่อและแจ้งมายัง สธ.ได้ ส่วนชาวต่างชาติก็สามารถติดต่อที่สถานทูตประจำประเทศไทย เพื่อขอรับการฉีดวัคซีนได้เช่นกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image