อนามัยโพล ชี้ช่วงโควิด-19 ดุ ทำคนไทยอยากฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น

อนามัยโพล ชี้ช่วงโควิด-19 ดุ ทำคนไทยอยากฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น

วันนี้ (6 พฤษภาคม 2564) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจผลอนามัยโพลต่อประเด็นเรื่อง ความกังวลและความรู้สึกต่อการฉีดวัคซีน โควิด-19 เมื่อช่วงวันที่ 14 เมษายน – วันที่ 2 พฤษภาคม 2564 มีจำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม 11,093 คน  พบว่าในภาพรวมประชาชนมีความกังวลใจเพิ่มขึ้น ตามช่วงเวลาที่มีจำนวนผู้ป่วยและจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหลังวันที่ 23 เมษายน 2564 ที่มีจำนวนผู้ป่วยมากกว่า 2,000 ราย ส่งผลให้ประชาชนมีความกังวลถึงร้อยละ 97.8 และความรู้สึกอยากฉีดวัคซีนได้มีการเปลี่ยนแปลงความคิดตามสถานการณ์ ซึ่งพบแนวโน้มที่ต้องการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีข่าว การเสียชีวิตของนักแสดงตลกชื่อดัง และมีจำนวนผู้เสียชีวิตเกิน 20 ราย ยิ่งเป็นความกังวลใจทำให้ประชาชนอยากฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 56.5

นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับการเตรียมตัวไปฉีดวัคซีนนั้น สธ.ได้มี 7 ข้อแนะนำ ดังนี้ 1. 2 วันก่อนและหลังการฉีดวัคซีนให้งดออกกำลังกายหนัก หรือยกน้ำหนัก และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 2.วันที่ฉีดควรกินน้ำอย่างน้อย 500-1,000 ซีซี. งดชา กาแฟ หรือของที่มีคาเฟอีน รวมถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 3. ฉีดแขนข้างที่ไม่ค่อยถนัด และหลังฉีดสองวันอย่าใช้แขนนั้น อย่าเกร็ง ยกของหนัก 4.หลังฉีดแล้วเจ้าหน้าที่จะให้รอดูอาการในบริเวณที่ฉีด 30 นาที 5.ถ้ามีไข้ หรือปวดเมื่อยมาก ทนไม่ไหว สามารถกินยาพาราเซตามอล ขนาด 500 มิลลิกรัม ครั้งละ 1 เม็ด ซ้ำได้ถ้าจำเป็น แต่ให้ห่าง 6 ชั่วโมง ห้ามกินยาพวก Brufen, Arcoxia, Celebrex เด็ดขาด 6.การฉีดวัคซีนโควิด-19 ควรห่างกับวัคซีนป้องกัน โรคไข้หวัดใหญ่อย่างน้อย 1 เดือน และ 7.ถ้ากินยาละลายลิ่มเลือดอยู่ ก็ให้กินยาตามปกติ แต่เมื่อฉีดยาแล้ว ให้กดนิ่งตรงตำแหน่งที่ฉีดต่ออีก 1 นาที

“ขณะนี้แม้ว่า ประชาชนจะมีความต้องการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญคือการป้องกันตัวเอง ตามมาตรการ DMHTTA ซึ่งจากข้อมูลอนามัยโพล ล่าสุดพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีการสวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่อไปในที่สาธารณะถึงร้อยละ 97.8 รองลงมาคือ การตรวจวัดไข้ก่อนเข้าออกในสถานที่ต่างๆ ร้อยละ 95.2 และล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ ร้อยละ 91 สำหรับพฤติกรรมสุขภาพที่ประชาชนยังไม่ค่อยได้ปฏิบัติตามมาตรการคือ การทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสร่วม โดยมีพฤติกรรมดังกล่าวเพียง ร้อยละ 69.3 และมีการลงทะเบียนในแอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” ร้อยละ 70.2 จึงต้องเน้นย้ำให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด” นพ.สุวรรณชัยกล่าว และว่า นอกจากนี้ ขอความร่วมมือประชาชนประเมินความเสี่ยงตนเองทุกวันว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง หรือใหม่ผ่านแอพพ์ต่างๆ ที่ทางราชการกำหนด หรือเลือกใช้การประเมินตนเองผ่านเว็บไซต์ ไทยเซฟไทย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image