ป่วยโควิด รักษาฟรี! ทุกกรณี รัฐบาลดูแล-รพ.ห้ามเก็บเพิ่ม

นอกจากระดับความรุนแรงของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 การเข้าไม่ถึงการรักษา และจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นในแต่ละวันแล้ว สิ่งที่ทำให้คนวิตกกังวล และหวาดกลัวต่อการตกเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ก็คือ “ค่ารักษาพยาบาล” จำนวนมหาศาลในระดับที่ไม่อาจจะคาดเดาได้

แต่ด้วยความแข็งแกร่งของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในประเทศไทย ทำให้ “คนไทยทุกคน” มีหลักประกันว่า หากติดเชื้อโควิด-19 ขึ้นมาจริงๆ จะสามารถเข้าถึงการรักษาได้ โดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท

VIDEO CONTENT AVERTISEMENT

ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ร่วมกัน “การันตี” อย่างหนักแน่นว่า ป่วยโควิดรักษาฟรีทุกกรณี รัฐบาลดูแล ประชาชนไม่ต้องเสียสตางค์
ครอบคลุมตั้งแต่ การตรวจคัดกรองให้กับกลุ่มเสี่ยง การตรวจยืนยันเชื้อ ไปจนถึงการให้การรักษาพยาบาล กระทั่งหายป่วยจากโรค กลับคืนสู่การมีสุขภาพที่ดี

ADVERTISMENT

“นายอนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ. ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบอร์ด สปสช. เปิดเผยว่า การดูแลประชาชนด้านการรักษาพยาบาลและการตรวจโควิด-19 นั้น ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลมีนโยบายดูแลคนไทยทุกคนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โรงพยาบาลห้ามเรียกเก็บเงินจากผู้ป่วยในทุกสิทธิ ไม่ว่าจะเป็นกรณีสงสัยว่าติดเชื้อและกรณีที่ติดเชื้อแล้ว และไม่มีคำว่าเรียกเก็บส่วนที่เกินจากที่รัฐบาลจ่ายให้ เพราะรัฐบาลจ่ายให้ครอบคลุมในทุกกรณีแล้ว ในส่วนของการตรวจโควิด-19 โรงพยาบาลจะเบิกจ่ายจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง ทั้งหมด แต่ในส่วนการรักษาพยาบาลหลังตรวจพบเชื้อจะเบิกจ่ายตามสิทธิหลักประกันสุขภาพที่มี เช่น สิทธิประกันสังคม เบิกกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการเบิกกับกรมบัญชีกลาง และสิทธิบัตรทองเบิกกับ สปสช.

ADVERTISMENT

“ขณะนี้ทราบว่ามีข้อร้องเรียนทางโซเชียลมีเดีย ประชาชนบอกว่าถูกเรียกเก็บเงิน หรือต้องจ่ายเงินเอง ขอเรียนข้อเท็จจริงว่า หากพบว่าติดเชื้อโควิด-19 และต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ในกรณีของ รพ.เอกชนนั้น สปสช.ได้ทำข้อตกลงกับภาคเอกชนแล้วว่าจะไม่มีการเรียกเก็บเงินจากผู้ป่วยโดยเด็ดขาด แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยบางรายมีประกันสุขภาพเอกชนก็อาจจะต้องใช้ส่วนนั้นไปก่อน ส่วนการจ่ายชดเชยให้ รพ.เอกชนนั้น จะเป็นไปตามระบบยูเซ็ป (UCEP) หรือรักษาฉุกเฉินเร่งด่วน โรงพยาบาลไม่ต้องกังวล ท่านได้รับค่ารักษาแน่นอน ที่ผ่านมามีค่ารักษาผู้ป่วยโควิดกรณีวิกฤตรายหนึ่ง เป็นเงิน 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นกรณีวิกฤตหรือสีแดง ตรงนี้ สปสช.ได้รายงานว่า ได้เบิกจ่ายให้กับโรงพยาบาลไปแล้ว บางรายวิกฤต 8 แสนบาท ก็จ่ายแล้วเช่นกัน หรือกรณีผู้ป่วยโควิด-19 สีเหลืองอาการไม่รุนแรง ที่โรงพยาบาลส่งเบิกเข้ามาตามหลักเกณฑ์ มี 1 ราย ที่มีค่ารักษาประมาณ 4 แสนบาท สปสช.ก็เบิกจ่ายให้กับโรงพยาบาลไปแล้วเช่นกัน” นายอนุทินกล่าว และว่า สำหรับประชาชนท่านใดที่ถูกเรียกเก็บเงินให้ โทรมาร้องทุกข์ได้ที่สายด่วน สปสช. 1330 เจ้าหน้าที่จะรับเรื่องดำเนินการต่อให้ตามกฎหมาย

“นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์” อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) อธิบายว่า สธ.ได้ประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายและเป็นภาวะฉุกเฉิน ซึ่งทุกคนในไทยจะต้องได้รับการรักษาพยาบาล เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อ และลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมา สธ.ยังได้ตระหนักดีว่าการลดภาระของประชาชนในเรื่องของค่ารักษาพยาบาลเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของโควิด-19 จึงได้มีมาตรการให้สถานพยาบาลทุกแห่ง-ทุกสังกัด ทั้งภาครัฐและเอกชน จะต้องรับรักษาผู้ป่วยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

นพ.ธเรศ กล่าวว่า รูปธรรมที่เกิดขึ้นคือ การออกประกาศหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เป็นจำนวน 3 ฉบับ ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมเรื่อยๆ เพื่อให้ครอบคลุมกับค่าใช้จ่ายในทุกรายการ

“ประกาศฉบับแรกมีการจ่ายทั้งรายการยา ค่าห้อง เครื่องมือแพทย์ บุคลากรต่างๆ แต่ต่อมาเมื่อเราพบว่าไม่ครอบคลุมยาบางรายการ จึงประกาศเพิ่มไว้ในฉบับที่ 2 เช่นเดียวกับฉบับที่ 3 ที่เพิ่งประกาศไปเมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา ก็ได้เพิ่มความครอบคลุมในรายการค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก เช่น ค่ารถรับส่งเพื่อลดการเดินทางสาธารณะ ค่าทำความสะอาดรถ รวมถึงการดูแลภาวะเจ็บป่วยจากการฉีดวัคซีน” นพ.ธเรศ ระบุ

ด้วยหลักการและประกาศข้างต้นนี้ ทำให้สถานพยาบาลทุกแห่งที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะต้องให้การรักษาทันทีตามแนวทางที่ สธ.กำหนด โดยไม่อาจปฏิเสธหรือบ่ายเบี่ยงได้ สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรักษา โดยเฉพาะในส่วนของภาคเอกชนที่จะต้องมีการเรียกเก็บกับหน่วยงานของรัฐ เบื้องต้น สปสช.ทำหน้าที่เป็น “Clearing House” ให้ ด้วยการทำการเบิกจ่ายแก่หน่วยบริการไปก่อน แล้วค่อยกลับมาทำการเรียกเก็บจากกองทุนอื่นๆ (ประกันสังคม ข้าราชการ) อีกครั้ง

นพ.ธเรศ ย้ำว่า เมื่อค่าใช้ที่รัฐบาลจ่ายให้ทั้งหมดครอบคลุมค่ารักษา ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่ายา ค่ายานพาหนะ ฯลฯ แล้ว เมื่อประชาชนเข้ารับการรักษาจึงเป็นหน้าที่ของสถานพยาบาลที่จะต้องให้การดูแล แล้วค่อยมาเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากรัฐ หากไม่ดำเนินการเช่นนี้ หน่วยบริการก็จะมีโทษด้วยเช่นกัน โดยจำคุกสูงสุดไม่เกิน 2 ปี ปรับสูงสุดไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อธิบดี สบส.ให้ข้อมูลว่า นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการมา พบสถานพยาบาลที่ฝ่าฝืนเรียกเก็บเงินจากผู้ป่วยทั้งสิ้น 44 กรณี รวมเป็นจำนวน 74 ราย ซึ่งก็ถูกดำเนินการตามกฎหมายและสั่งให้คืนเงินแก่ประชาชนหมดแล้ว เหลือเพียงกรณีของเดือนเมษายน 2564 เท่านั้นที่ยังอยู่ระหว่างรอการสอบสวน

“ประชาชนไม่ต้องเป็นกังวล ไม่ว่าจะไปรับบริการใดก็ตามที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งหากมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติม หรือมีค่าใช้จ่ายถูกเรียกเก็บจากสถานพยาบาล ประชาชนสามารถติดต่อได้ทั้งสายด่วน สบส. 1426 และสายด่วน สปสช. 1330” นพ.ธเรศ ให้ความมั่นใจ

ตอกย้ำความเชื่อมั่นจาก “นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี” เลขาธิการ สปสช. ที่ยืนยันว่า เป็นหน้าที่ของ สปสช.ที่ต้องจัดสรรงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับบริการโควิด-19 ให้แก่หน่วยบริการทั่วประเทศ ฉะนั้น ประชาชนมั่นใจได้ว่าคนไทยทุกคน-ทุกสิทธิการรักษา หากจำเป็นต้องได้รับการตรวจคัดกรองโควิด-19 ก็จะสามารถรับบริการฟรี และหากผลตรวจออกมาว่าติดเชื้อ ก็จะได้รับสิทธิการรักษาฟรีเช่นกัน

“อัตราการจ่ายและสิทธิประโยชน์นั้น จะครอบคลุมผู้ที่ต้องสงสัยว่ามีความเสี่ยงติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นการไปสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ หรือเดินทางไปยังสถานที่ที่ราชการประกาศว่ามีความเสี่ยงและต้องไปตรวจ ทั้งหมดนี้สามารถไปรับบริการที่หน่วยบริการทั้งภาครัฐและเอกชนได้ทุกที่” นพ.จเด็จอธิบาย

นพ.จเด็จ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นมา สปสช.ยังได้เพิ่มกติกาที่ครอบคลุมถึงการใช้ดุลพินิจของแพทย์ หากพบว่าประชาชนรายใดสมควรได้รับการตรวจคัดกรอง ก็จะสามารถตรวจได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วย และหากเมื่อไรที่ผลตรวจเชื้อออกมาเป็นบวกแล้ว โรงพยาบาลก็จะจัดบริการดูแลให้ตามความรุนแรงของโรค โดยที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายเช่นกัน

“โรงพยาบาลทุกแห่งจะมาเรียกเก็บกับ สปสช. ตามอัตราที่ได้มีการตกลงและเห็นร่วมกันกับหน่วยบริการทุกแห่งแล้ว ดังนั้น ยืนยันได้ว่าหากประชาชนอยู่ในกลุ่มเสี่ยงจะสามารถรับบริการได้ฟรี เพราะงบประมาณทั้งหมดนั้น สปสช.และกองทุนต่างๆ ได้เตรียมเอาไว้หมดแล้ว ไม่มีเหตุให้ต้องเก็บเพิ่มจากประชาชนแต่อย่างใด” เลขาธิการ สปสช.กล่าวทิ้งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image