บอร์ด คสช.เคาะแผนตัดวงจรโควิดระบาดในชุมชนทั่ว ปท. หนุนตั้งศูนย์พักคอยฯในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล

บอร์ด คสช.เคาะแผนตัดวงจรโควิดระบาดในชุมชนทั่ว ปท. หนุนตั้งศูนย์พักคอยฯในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม คสช.มีมติเห็นชอบแนวทางตัดวงจรโรคโควิด-19 ระบาดในชุมชน ด้วยการขยายการจัดตั้ง “ศูนย์พักคอยใกล้บ้านใกล้ใจ” ออกไปยังชุมชนแออัดทุกพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นสถานที่พักพิงรอการส่งตัวเข้ารักษา และพักฟื้นรับการส่งตัวกลับจากโรงพยาบาล รวมทั้งฟื้นฟู สนับสนุนด้านเศรษฐกิจ สังคมให้ผู้ติดเชื้อโควิดในชุมชน และใช้เป็นศูนย์บริหารจัดการของชุมชนเพื่อหนุนช่วยการฉีดวัคซีนโควิดที่กำลังจะให้บริการครั้งใหญ่ในเร็วๆ นี้

นายสาธิตกล่าวว่า สำหรับศูนย์พักคอยใกล้บ้านใกล้ใจ ถือเป็นเครื่องมือสนับสนุนการทำงานในระดับพื้นที่ของชุมชน ภายใต้แผนงานรวมพลังพลเมืองตื่นรู้ ช่วยชาติสู้โควิด-19 ระลอก 3 ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับภาคประชาสังคม และภาคียุทธศาสตร์สำคัญ อาทิ กรุงเทพมหานคร (กทม.) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำงานงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) คณะสงฆ์ในพื้นที่ ตลอดจนภาคเอกชน ฯลฯ ดำเนินการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่มีการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เมื่อต้นปี 2564

“ศูนย์พักคอยฯดังกล่าวจะตั้งอยู่ในพื้นที่ชุมชน บริหารจัดการโดยคณะกรรมการของชุมชน ทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในการรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ซึ่งถูกแยกตัวออกมาจากครัวเรือน และนอกจากจะเป็นการตัดวงจรระบาดยุติการแพร่เชื้อต่อในชุมชนแล้ว ยังช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการดูแลเบื้องต้นที่ถูกวิธี และง่ายต่อการประสานงานเพื่อส่งต่อผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการรักษาตามระบบที่รัฐบาลวางไว้ โดยนำร่องแห่งแรกที่วัดสะพานในชุมชนแออัดคลองเตย ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา” รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ.กล่าว

Advertisement

นายสาธิตกล่าวว่า ขณะนี้กรุงเทพฯและจังหวัดปริมณฑล เป็นพื้นที่เสี่ยงสูงสุด มีชุมชนแออัดกระจายอยู่หลายแห่ง ชุมชนคลองเตยเป็นที่รวมของคนกว่าหนึ่งแสนคนที่แต่ละวันต้องกระจายทำงานไปหลายพื้นที่ และแต่ละครอบครัวก็อยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่น เมื่อมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จึงมีโอกาสกระจายเชื้อได้อย่างกว้างขวางและระบาดรวดเร็ว การเกิดขึ้นของศูนย์พักคอยใกล้บ้านใกล้ใจตั้งขึ้นแห่งแรกในชุมชนคลองเตย จึงถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่มีส่วนสำคัญในการหนุนเสริมการทำงานของรัฐบาลเป็นอย่างมาก ช่วยให้วงจรการระบาดถูกตัดทอนลงอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

“ศูนย์พักคอยใกล้บ้านใกล้ใจคลองเตย นับเป็นต้นแบบสำคัญของการลุกขึ้นมาจัดการกันเองของชุมชนและประชาชน สะท้อนให้เห็นถึงพลังของกระบวนการการมีส่วนร่วม ซึ่งโมเดลการทำงานของคลองเตย จะถูกนำไปขยายผลและประยุกต์ใช้กับชุมชนอื่นๆ ได้ทั่วประเทศ โดยเบื้องต้นจะเริ่มในชุมชนแออัด กรุงเทพฯและปริมณฑลก่อน” นายสาธิตกล่าว

ด้าน นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการ คสช. กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญของการจัดตั้งศูนย์พักคอยใกล้บ้านใกล้ใจ คือการสร้างระบบดูแลกันเองของประชาชนในระดับชุมชนที่เชื่อมต่อกับระบบใหญ่ของรัฐ ลดความตื่นตระหนกของประชาชน ลดภาระของระบบบริการหลัก ที่สำคัญคือ เป็นการเตรียมความพร้อมด้านอาสาสมัครในชุมชน เกิดระบบบริหารจัดการและระบบสนับสนุนอื่นๆ ของประชาชน ซึ่งทั้งหมดจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในระยะยาว

“หลังจากนี้ สช.จะสรุปข้อเรียนรู้ของคลองเตยโมเดลและเร่งจัดทำคู่มือบทบาทของชุมชนในการตัดวงจรการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยการใช้ศูนย์พักคอยฯเป็นเครื่องมือ พร้อมกับการระดมจัดระบบสนับสนุนด้านเศรษฐกิจและสังคมให้คนในชุมชน รวมถึงให้ชุมชนมีบทบาทช่วยบริหารจัดการและรณรงค์หนุนช่วยการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแต่ละพื้นที่ในระยะต่อไปด้วย” เลขาธิการ คสช.กล่าว

ทั้งนี้ ที่ประชุม คสช.ยังได้รับทราบความคืบหน้าการขับเคลื่อนมติการจัดการหาบเร่แผงลอยและการใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกันของ กทม. และการจัดสมัชชาสุขภาพกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 2 ประจำปี 2564 ที่กำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 รวมทั้งรับทราบผลการประเมินเขตสุขภาพเพื่อประชาชน (กขป.) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงความคืบหน้าในการสรรหา กขป.ชุดใหม่ โดยจะปิดรับสมัครในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ และสรรหาให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2564

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image