บอร์ด สปสช.เพิ่มสิทธิบัตรทอง ตรวจเพทซีทีทางเลือกประเมินระยะโรคมะเร็งปอด-ต่อมน้ำเหลือง

บอร์ด สปสช.เพิ่มสิทธิบัตรทอง ตรวจเพทซีทีทางเลือกประเมินระยะโรคมะเร็งปอด-ต่อมน้ำเหลือง

วันนี้ (9 มิ.ย.64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. เป็นประธาน มีมติเห็นชอบปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์บริการตรวจเพทซีที (PET/CT) ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) โดยกำหนดอัตราการจ่ายสนับสนุนค่าบริการตรวจในอัตราครั้งละ 3 หมื่นบาท นำร่องเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการประเมินระยะของโรคมะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก (NSCLC) และการประเมินระยะโรคเริ่มต้น และประเมินการตอบสนองระหว่างให้ยาเคมีบำบัดและหลังสิ้นสุดการรักษา สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กิน (HL)

สำหรับการตรวจเพทซีที เป็นการใช้เครื่องมือทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ที่ใช้เทคโนโลยีร่วมกันของเครื่อง PET และ เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) เพื่อตรวจดูความผิดปกติของเซลล์ระดับเมตาบอลิซึม ซึ่งเป็นการถ่ายภาพทางด้านรังสีที่ตรวจวัดอนุภาคโพสิตรอนที่ปล่อยจากผู้ป่วยหลังได้รับสารเภสัชรังสีเข้าไปในร่างกาย โดยสามารถให้รายละเอียดเพื่อนำไปวินิจฉัยโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยให้สามารถประเมินระยะของโรคมะเร็งได้

ทั้งนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ผ่านมา รัฐบาล โดย สปสช. ได้ดำเนินนโยบายการยกระดับบัตรทองใน 4 โครงการ ซึ่ง 1 ในนั้นคือ โครงการมะเร็งรักษาที่ไหนก็ได้ที่พร้อม ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการบริการได้อย่างสะดวกสบาย รวดเร็ว นำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาโรคมะเร็งด้วย สำหรับการเพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่นี้ ก็จะยิ่งช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งได้รับการวินิจฉัยโรคที่ดียิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง

ด้าน รศ.พญ.ประสบศรี อึ้งถาวร กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ กรมบัญชีกลางจ่ายสิทธิประโยชน์นี้อยู่ในอัตรา 4.5 หมื่นบาท ส่วนตัวได้หารือกับหน่วยบริการแล้วพบว่าอัตราการจ่าย 3 หมื่นบาทนั้น มีเพียงบางหน่วยบริการเท่านั้นที่สามารถดำเนินการได้ จึงเสนอให้บอร์ด สปสช. มีมติจ่ายในอัตรา 3 หมื่นบาท ในระยะเวลา 6 เดือนแรก จากนั้นให้ติดตามเพื่อประเมินความเหมาะสมของอัตราการจ่ายต่อไป

Advertisement

ขณะที่ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สปส.) กล่าวว่า สปสช.ได้จัดสรรงบประมาณที่ใช้สนับสนุนสิทธิประโยชน์ใหม่นี้ โดยปีงบประมาณ 2564 จะเบิกจ่ายจากงบค่าบริการกรณีเฉพาะที่กันไว้ จำนวน 880 ล้านบาท และให้เป็นไปตามประกาศหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนฯ ฉบับที่ 2 ซึ่งเป็นงบประมาณที่ใช้ดำเนินการตามโครงการมะเร็งรักษาที่ไหนก็ได้ที่พร้อม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image