ศบค.เตรียมหารือล็อกดาวน์กรุงเทพฯเฉพาะจุด หวั่นกระทบเศรษฐกิจรากหญ้า
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)(ศบค) กล่าวว่า สถานการณ์คลัสเตอร์ในกรุงเทพมหานคร (กทม.) กระจายใน 6 กลุ่มเขตรวม 20 เขต คลัสเตอร์ที่ยังพบการระบาดมากกว่า 28 วัน จำนวน 25 คลัสเตอร์ เป็นแคมป์คนงาน 8 แห่ง ตลาด 6 แห่ง สถานประกอบการ 2 แห่ง ชุมชนและอื่นๆ 9 แห่ง ขณะที่คลัสเตอร์ที่มีการระบาดช่วง 14-27 วัน จำนวน 13 คัลสเตอร์ เป็นแคมป์คนงาน 3 แห่ง ตลาด 3 แห่ง สถานประกอบการ 5 แห่ง ชุมชนและอื่นๆ 2 แห่ง
“ทำให้ทุกท่านเห็นว่าการบับเบิลแอนด์ซีล ปิดพื้นที่ระบาด เฝ้าระวังเบ็ดเสร็จในพื้นที่นั้นๆ ใน กทม. จะต่างจากการระบาดที่ จ.สมุทรสาคร เมื่อปีที่แล้วที่เมื่อเราปิดโรงงาน ให้คนงานใช้ชีวิตในโรงงาน พบว่า 28 วัน ก็ยุติการระบาด และให้คนกลุ่มนี้กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ แต่ใน กทม.บริบทของแคมป์คนงาน ตลาดหรือโรงงาน มีความแตกต่างโดยสิ้นเชิง เพราะว่า 28 วันแต่ กทม.ยังไม่สามารถที่จะจบคลัสเตอร์ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องความร่วมมือ เนื่องจากยังมีการออกไปตลาด ชุมชน ปิดแคมป์ที่ 1 คนงานก็เดินทางไปแคมป์ที่ 2 ที่ 3 ทำให้แพร่ระบาดใน กทม.เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง” พญ.อภิสมัยกล่าว
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า การระบาดใน กทม. แม้จะกระจายในทุกกลุ่มเขต หลายเขต แต่มีลักษณะเป็นกลุ่มก้อน จะอยู่ในแคมป์คนงาน โรงงาน สถานประกอบการ ตลาดและชุมชน ซึ่งในสัปดาห์นี้มีการถกเถียงเรื่องการล็อกดาวน์ กทม. และทางกระทรวงสาธารณสุข มีความเป็นห่วงเรื่องการระบาดวงกว้าง ที่อาจทำให้ระบบเตียง ระบบสาธารณสุขอาจรองรับไม่ไหว ซึ่ง ศบค.ต้องรับฟังทุกฝ่าย ในเรื่องเตียงก็ขยายศักยภาพ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ไม่ได้นิ่งนอนใจ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาอย่างเร็วที่สุด ขณะที่ผู้ประกอบการก็ได้เสนอให้ทบทวนการล็อกดาวน์ กทม. ซึ่งทำให้เห็นภาพ เช่น ร้านอาหารปิด 1 ร้าน ซึ่งหน้าร้านมีแม่ค้ารถเข็นอยู่ ทาง ศบค.ก็รับฟังทุกฝ่าย มีความเห็นใจส่วนของพนักงานประจำ หากถูกปิดก็จะได้รับกระทบโดยทั่ว
พญ.อภิสมัยกล่าวว่า ที่ประชุมจึงมีการเสนอทางเลือกที่หลากหลาย โดยกรมควบคุมโรค เสนอให้ล็อกเป็นจุด จาก 3 องค์ประกอบ คือ 1.ปิดพื้นที่ความเสี่ยงสูง 2.บุคคลกลุ่มเสี่ยง พื้นที่มีแรงงานต่างชาติ ก็ปิดเฉพาะกลุ่มเสี่ยง และ 3.ปิดกิจกรรม/กิจการเสี่ยง มากกว่าการปิดทั้งกทม.หรือทั้งจังหวัด ที่เห็นภาพชัดเจนในต่างจังหวัด ปิดเฉพาะตำบลเสี่ยง ตลาด แคมป์คนงาน หรือพื้นที่ที่มีแรงงานต่างชาติ ก็ล็อกเฉพาะตรงนั้น
“สิ่งสำคัญมีความเป็นห่วงว่า การล็อกอาจไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่เป็นการจุดชนวนปัญหามากขึ้นหรือไม่ เช่นตัวอย่าง โรงเรียนมัรกัส ที่พอโรงเรียนปิดก็เกิดการกระจายไปจังหวัดอื่นๆ 11 จังหวัด เพราะเมื่อปิดกิจการ คนเดินทางกลับบ้าน ทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อหรือไม่ จึงต้องหารือทุกแง่มุม” พญ.อภิสมัยกล่าว และว่า วันนี้เวลา 14.00 น. ทาง พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะหารือร่วมกับคณะที่ปรึกษาด้านสาธารณสุข ในแนวทางมาตรการในการปิดพื้นที่ใน กทม. ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
