รมว.สุชาติแจงแผนเยียวยาคนงานช่วงปิดแคมป์ จ่ายสดทุก 5 วัน อาหารทุกมื้อ ตรวจหาเชื้อ พบส่งรักษา ไม่ติดจับฉีดวัคซีน
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ที่กระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมระหว่างกระทรวงแรงงาน กับผู้ประกอบการสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จำนวน 24 ราย อาทิ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) บริษัท ฤทธา จำกัด บริษัท วีมงคลก่อสร้าง จำกัด บริษัท ยูเวิร์ด 999 จำกัด บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ฯลฯ เพื่อหารือแนวปฏิบัติกรณีปิด (Seal) แคมป์คนงานก่อสร้าง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทั้งในกลุ่มแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว หลังศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ได้ประกาศข้อกำหนด ฉบับที่ 25 เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่เป้าหมายเฉพาะ 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี นราธิวาส ปทุมธานี ปัตตานี ยะลา สงขลา สมุทรปราการ และสมุทรสาคร
นายสุชาติกล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีการประชุมร่วมกับคณะที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุขใน ศบค. เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ซึ่งที่ประชุมได้มีมติให้ปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง งดการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม ได้แก่ กรุงเทพฯ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ นครปฐม สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในคลัสเตอร์แคมป์คนงานนั้น และได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานดูแลค่าใช้จ่าย เงินชดเชยให้แก่ลูกจ้างแทนผู้ประกอบการ
นายสุชาติกล่าวว่า ในช่วงที่มีการปิดแคมป์ กระทรวงแรงงานจะจ่ายสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัยโควิด-19 เนื่องจากสถานประกอบการถูกปิดตามคำสั่ง ศบค. โดยให้สำนักงานประกันสังคม (สปส.) จ่ายเป็นเงินสด ร้อยละ 50 ของค่าจ้างให้คนงานทุกๆ 5 วัน พร้อมให้นายจ้างดูแลเรื่องอาหารทุกมื้อด้วยตลอด 1 เดือน ตามรายชื่อที่นายจ้างรับรองวันต่อวัน ตลอดเวลาการปิดแคมป์ก่อสร้าง
“นอกจากนี้ ยังมีระบบการตรวจสอบว่าแรงงานที่จะได้รับการเยียวยาจะต้องอยู่ในแคมป์ก่อสร้าง หากไม่อยู่ก็จะไม่ได้รับเงินชดเชยดังกล่าว กระทรวงแรงงานจะประสานกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุกด้วยวิธีสวอบ (swab) แรงงานในแคมป์ทุกคน หากตรวจพบเชื้อจะต้องแยกตัวแรงงานรายนั้นเพื่อมาเข้าสู่การรักษาตามขั้นตอนของ สธ. ส่วนผู้ที่ตรวจแล้วไม่พบเชื้อก็จะต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 รวมทั้งการเฝ้าระวังตรวจสอบทุกโรงงานในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้เป็นไปตามมาตรการควบคุมโรคในพื้นที่เฉพาะ หรือบับเบิล แอนด์ ซีล” นายสุชาติกล่าว และว่า ยังได้มอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เข้าไปตรวจตราทำความเข้าใจกับนายจ้างผู้ประกอบการให้เข้มงวดถึงมาตรการป้องกันโควิด-19 ของลูกจ้างในแคมป์คนงาน และกรมการจัดหางาน (กกจ.) เข้าไปตรวจสอบ หากกรณีพบว่ามีแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายก็จะนำเข้าสู่ระบบทำให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
