สธ.ชี้สัญญาณโควิดในกรุงเริ่มชะลอ คาดกลุ่มฉีดซิโนแวคครบโดส ได้บูสต์ต้นปี’65
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงแผนการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในเดือน ส.ค. พร้อมประเมินสถานการณ์ระบาดภายหลังการล็อกดาวน์ ว่า สำหรับเดือนสิงหาคมนี้ ประเทศไทยจะมีวัคซีนซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า และไฟเซอร์ ทั้งนี้ สธ.จะส่งวัคซีนไปต่างจังหวัดราวร้อยละ 80 โดยในจำนวนนี้จะส่งไปใน 29 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวดประมาณครึ่งหนึ่ง ยกเว้นวัคซีนไฟเซอร์ที่จะฉีดให้กลุ่มเสี่ยงจะกระจายไป 13 จังหวัดแรกก่อน โดยวัคซีนของเดือนสิงหาคม แบ่งส่งรายสัปดาห์ๆ ละ 2-2.5 ล้านโดส รวมทั้งเดือนประมาณ 10 ล้านโดส เป้าหมายการกระจายวัคซีนยังเป็นกลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ ต้องฉีดให้ได้ร้อยละ 70 ขึ้นไป เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันระดับหมู่โดยเร็วที่สุด ลดโอกาสแพร่ระบาดในพื้นที่และป้องกันคนส่วนใหญ่ด้วย
นพ.โสภณ กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ที่มีแต่ผู้ป่วยนำเข้า เป็นการติดเชื้อจากจังหวัดอื่นและกลับภูมิลำเนา ส่วนใหญ่บริหารจัดการได้ดี ผู้ป่วยรายงานตัวนำเข้าระบบรักษาและไม่แพร่เชื้อต่อ จังหวัดเหล่านี้สถานการณ์น่าจะดีขึ้น ส่วนจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อในพื้นที่อยู่บ้าง อาจต้องใช้เวลาป้องกันและควบคุมให้โรคสงบลง “จากประสบการณ์ของเรา หากไม่ใช่การระบาดในวงกว้างมาก การควบคุมให้ไม่มากเกินขีดความสามารถการรักษาพยาบาลในพื้นที่ คาดว่าใช้เวลา 1 เดือน เช่น ภาคอีสานตอนบน ภาคกลางตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง และภาคใต้ ส่วนพื้นที่น่าเป็นห่วงจริงๆ น่าจะยังเป็นกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดย กรุงเทพฯ มีสัญญาณว่าอาจเริ่มชะลอตัว จากจำนวนผู้เสียชีวิตจำนวนไม่พุ่งก้าวกระโดด จำนวนไม่เกิน 100 รายต่อวัน ส่วนข้อมูลการตรวจหาเชื้อด้วยแอนติเจน เทสต์ คิท (ATK) ตัวเลขใน 2 วันหลังนี้ก็ไม่เกิน ร้อยละ 10 ไม่ได้เพิ่มจาก ร้อยละ 10 เป็น ร้อยละ 20 ร้อยละ 30 ไปเรื่อยๆ แสดงว่าการติดเชื้อค่อนข้างคงที่ รวมถึงฉีดวัคซีนไปเยอะแล้ว ผู้สูงอายุตามทะเบียนบ้านฉีด ร้อยละ 80 แล้วอีก 2-3 วัน ก็คงเกิน ร้อยละ 90 รวมถึงที่ไม่มีทะเบียนบ้านอีก 2 แสนคน ก็ทยอยฉีดไปเรื่อยๆ ดังนั้น เมื่อมีภูมิคุ้มกัน โอกาสป่วยหนักและเสียชีวิตก็น้อยลง แต่ปริมณฑลก็จะต่อไปอีกหน่อยหนึ่ง เพราะเกิดทีหลัง และวัคซีนยังได้ไม่เท่ากับกรุงเทพฯ แต่ก็เร่งในกลุ่ม 608 อยู่ให้บรรลุในปลายเดือนนี้” นพ.โสภณ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สธ.กำหนดแผนการให้วัคซีนเข็มกระตุ้น หรือ บูสเตอร์ โดส ให้แก่กลุ่มประชาชนทั่วไปที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม อย่างไร เพราะขณะนี้มีความกังวลว่าฉีดมานานแล้ว จะป้องกันเชื้อได้หรือไม่ นพ.โสภณ กล่าวว่า จริงๆ วัคซีนซิโนแวคยังป้องกันการตายได้ แต่ป้องกันการติดเชื้ออาจจะลดลง ซึ่งวัคซีนทุกตัวก็ลดลงทุกตัว อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนการฉีดบูสเตอร์ โดส กรณีคนฉีดซิโนแวค 2 เข็ม นั้น กลุ่มแรกเป็น บุคลากรการแพทย์ด่านหน้า กลุ่มรองลงมา บุคลากรทำงานเกี่ยวข้องกับผู้ป่วย แต่เสี่ยงอาจไม่เท่ากลุ่มแรก อาจไม่ด่านหน้าทีเดียว สุดท้ายกลุ่มเสี่ยง เช่น โรคเรื้อรัง
“ส่วนประชาชนทั่วไป คาดว่าจะได้รับการบูสเตอร์ โดส ปลายปีต่อต้นปีหน้า เพราะต้องรอให้กลุ่มที่ยังไม่ได้วัคซีนเลยได้ฉีดก่อน ซึ่งยังมีผู้สูงอายุในต่างจังหวัดเกินครึ่งที่ยังไม่ได้วัคซีนเลย” นพ.โสภณ กล่าว
