พม.สั่งให้ ขรก.โกง 13 ล้าน ออกจากราชการ เร่งสอบเส้นทางการเงิน ไม่เชื่อทำคนเดียว

นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดพม.

ปลัด พม.มีคำสั่งให้ ขรก.ทุจริตเงิน 13 ล้านบาท ออกจากราชการไว้ก่อน เดินหน้าสอบข้อเท็จจริง ไม่เชื่อทำคนเดียวอย่างที่สารภาพ

ออกจากราชการ – เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นางพัชรี อาระยะกุล ปลัด พม. พร้อมด้วย น.ส.สราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ร่วมแถลงข่าวกรณีนักพัฒนาสังคมชำนาญการ ทุจริตเงินกลุ่มเปราะบางหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้

นางพัชรีกล่าวว่า กรณีมีการจับกุมนักพัฒนาสังคมชำนาญการ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ทุจริตยักยอกเงิน จำนวน 13 ล้านบาท ไม่ใช่เงินช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง แต่เป็นเงินบัญชีเงินนอกงบประมาณที่ไม่ได้ใช้จ่ายเหมือนเงินปกติ เป็นเงินนอนในบัญชีนิ่งที่เบิกจ่ายเป็นเคสๆ ที่จำเป็น ประมาณ 2-3 เดือนถึงจะมีการเบิก ทำให้ไม่ได้มีการตรวจสอบบัญชีบ่อย จึงอาจเป็นช่องว่างให้คนยักยอก

ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ พก.ตรวจสอบบัญชีพบความผิดปกติ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เข้าแจ้งความที่ สน.พญาไท ตั้งแต่วันแรกที่ทราบ มีการหารือวางแผนดำเนินการจับกุมโดยร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว ชื่อ นายพิศาล สุขใจธรรม ตำแหน่งนักพัฒนาสังคมชำนาญการ (ซี 6) กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ลงวันที่ 17 ก.ย.2564 ขณะที่กำลังเดินทางหลบหนีข้ามแดนที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบได้ประสานจับกุมและนำส่ง สน.พญาไท เมื่อวันที่ 18 ก.ย. เวลา 23.00 น. ซึ่งกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเป็นเจ้าทุกข์ก็จะยื่นคัดค้านการประกันตัวต่อไป

Advertisement

ปลัด พม.กล่าวต่อว่า กรม พก.ได้ออกคำสั่งให้นายพิศาลออกจากราชการไว้ก่อน ลงวันที่ 17 ก.ย. พร้อมทั้งระงับการจ่ายเงินเดือน และทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ขอให้ตรวจสอบธุรกรรมการเงินของนายพิศาล รวมถึงตนได้สั่งการให้กรมดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงควบคู่ไปด้วยโดยด่วน

แม้เบื้องต้นเจ้าตัวรับสารภาพว่าทำเพียงคนเดียว แต่ต้องสืบหาข้อเท็จจริงว่ามีการร่วมมือกับใคร หน่วยงานไหน ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องทั้งในหรือนอกกระทรวงหรือไม่อย่างไร ต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมด เพื่อนำเงินของราชการกลับคืนมา

อ่าน : งามไส้ตำรวจจับ ขรก.พม.ยักยอกเงินช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางช่วงโควิด 13 ลบ. ขณะเตรียมหนีออกนอก ปท.

Advertisement

เรื่องนี้ พม.ให้ความสำคัญมาก ไม่สามารถให้อภัยได้เพราะเป็นการกระทำผิดร้ายแรง คนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นระดับผู้บริหารหรือระดับปฏิบัติการ หากเกี่ยวข้องก็จะเอาผิดถึงที่สุดไม่มีการลดโทษ

ทั้งนี้ นับแต่ทราบเรื่องก็ได้ดำเนินการปรับปรุงระบบ และรหัสบัญชีแล้ว และจากนี้จะปรับปรุงระบบเทคโนโลยีใหม่ทั้งกระทรวงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอีกในอนาคต

“ตอนนี้เรายังไม่ได้เชื่อทั้งหมดที่เขายอมรับว่าทำคนเดียว แต่เราจะต้องตรวจสอบต่อไป เพราะในความเป็นจริงอาจจะยังมีคนที่ร่วมมือก็ได้ ถ้ามีคนที่ทำอีกก็ไม่เอาไว้ นี่คือส่วนหนึ่งในการร่วมมือในการป้องกันการทุจริตและทำเรื่องนี้ต่อไป รวมถึงยกระดับ เป็นความร่วมมือระดับกระทรวงในการวางแผนป้องกันการทุจริตในอนาคตด้วย” นางพัชรีกล่าว

ด้าน น.ส.สราญภัทร กล่าวว่า นายพิศาลทำหน้าที่ด้านการเงิน มีความรู้ ความเชี่ยวชาญทางด้านนี้ เคยอยู่กรมบัญชีกลางมาก่อน เมื่อเราตรวจสอบพบเย็นวันที่ 13 ก.ย. เวลา 18.30 น. พบการโอนเงินจากบัญชีนอกงบประมาณของกรม พก.จึงได้ทำเรื่องแจ้งความร้องทุกข์ ขณะนี้ได้ให้นายพิศาลออกจากราชการไว้ก่อน

ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจอายัดเงินในบัญชีของนายพิศาลทั้งหมด เพื่อการตรวจสอบและไม่ให้มีการโอนย้ายไปสู่ผู้อื่น รวมทั้งประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ลักลอบออกจากของ พก.ถ่ายโอนไปสู่บัญชีอื่นหรือไม่ เพื่อเอาผิดบุคคลทั้งหมดที่มีส่วนร่วมนั้น พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ จากการจับกุมมีการแกะรอยว่าเขาจะเดินทางและได้รับความช่วยเหลือจากตำรวจ พบหนีไปเชียงราย ทราบจากการที่เราขอให้สังคมช่วยแจ้งเรา โดยในวันศุกร์ที่ 17 ก.ย. เวลาประมาณบ่าย 2 มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่จะพาข้ามเห็นความผิดปกติจึงโทรมาที่กรม กรมก็ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ออกหมายจับ ทุกคนทำงานร่วมกันทั้งหมด ส่วนรหัสบัญชีเบื้องต้นมีผู้รู้รหัสบัญชี 3 คน โดยมีเลขานุการกรมที่ดูแลการเงิน การบัญชี และมี ผอ.กลุ่มการเงิน และเจ้าหน้าที่อีก 1 คน เป็นคนที่ 3

ด้าน พ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ สิทธาภิรมย์ ผกก.1 บก.ปปป. กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ได้ร่วมมือกันหลายฝ่าย หลังจากที่ พม.มาแจ้งความที่ สน.พญาไท และระหว่างออกหมายจับ ทราบผู้ต้องหากำลังเตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ โดยอยู่ที่ จ.เชียงราย จึงประสานไปยังตำรวจเชียงรายให้มีการตรวจสอบและจับกุม เพราะถ้าปล่อยให้หลบหนีออกนอกประเทศไปได้จะสร้างความเสียหายต่อราชการจำนวนมาก

ทั้งนี้ การจับกุมครั้งนี้ถือว่าเร็วมาก เราทราบเรื่องวันที่ 13 ก.ย. วันที่ 17-18 ก.ย. ก็จับได้แล้ว ถือว่ารวดเร็ว เพราะทุกคนไม่ได้นิ่งนอนใจ ร่วมมือกันทุกฝ่าย ขณะนี้ผู้ต้องหารับสารภาพว่าทำเพียงคนเดียว ยังไม่เชื่อทั้งหมดต้องสอบข้อเท็จจริงและเส้นทางกระบวนการทั้งหมด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image