สธ.เร่งคุมโควิด-19 ภาคใต้ ใช้ กทม.โมเดล พร้อม ติดตามผลใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ ชง อย.ขึ้นทะเบียน
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ที่ โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในภาคใต้ ว่า การระบาดของโควิด-19 ในภาพรวมประเทศดีขึ้นมาก วันนี้ตัวเลขรายใหม่ต่ำกว่าหมื่นราย ผู้เสียชีวิตต่ำกว่าร้อยรายมาหลายวัน ซึ่งเราพยายามทำให้ตัวเลขน้อยที่สุด โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร (กทม.) ข้อมูลค่อนข้างชัด พบติดเชื้อต่ำกว่า 2 พันราย อยู่ที่พันนิดๆ ซึ่งเราก็นำบทเรียนของ กทม.ไปใช้กับภาคใต้ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นการติดเชื้อในชุมชน เป็นหย่อมๆ คล้ายกับ กทม. ดังนั้น การควบคุมโรคจะต้องอาศัยทีมงานที่คุ้นเคยกับพื้นที่
นพ.โอภาสกล่าวว่า ทาง นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข สั่งการให้ นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการฯ ไปประจำที่ภาคใต้ เพื่อรวบรวมบูรณาการประสานข้อมูล เราจะนำทีมเคลื่อนที่เร็ว CCRT เร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ในชุมชน ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย 608 เร่งมาตรการบับเบิ้ลแอนด์ซีล (Bubble and seal) เคร่งมาตรการสังคม อาจต้องงดกิจกรรมบางอย่าง ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องประเมินอีกครั้ง รวมถึง บูรณาการมาตรการแยกกักที่บ้าน (Home isolation) ศูนย์แยกกุดชุมชน (Community isolation) และการตรวจแอนติเจน เทสต์ คิท (ATK)
“ต้องใช้โมเดลของกรุงเทพฯ ที่เราทำแล้วได้ผลไปใช้กับภาคใต้ คงต้องใช้เวลาอีกสักนิดนึง แล้วได้ส่งทีมงานลงไปเร่งรัดในการควบคุมโรค” นพ.โอภาสกล่าว
เมื่อถามถึงยาโมลนูพิราเวียร์ บริษัทเมอร์ค ที่คาดว่าใช้รักษาโควิด-19 ได้ดี นพ.โอภาส กล่าวว่า ตอนนี้ทางกระทรวงฯ ติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด แต่ก็ไม่แปลว่ารักษาได้ 100% แต่ส่วนใหญ่จะคล้ายกับยาที่เรามี คือ ได้ผลกับอาการน้อยๆ ส่วนอาการมาก ก็ยังบวกลบอยู่ เดี๋ยวจะต้องมีการดูข้อมูลฉบับเต็มอีกครั้ง ในย้ำว่ายาทุกชนิดหากจะนำมาใช้จะต้องมีการขึ้นทะเบียนกับ อย.ก่อน ซึ่งหากมีการอนุมัติใช้ ก็จะเป็นสิ่งที่ดีทางการแพทย์และสาธารณสุขก็สบายใจขึ้น
