กทม.ประสานกองทัพ ขอเรือ 12 ลำ เร่งดันน้ำลงอ่าวไทย แก้วิกฤตท่วมลุ่มเจ้าพระยา

กทม.ประสานกองทัพ ขอเรือ 12 ลำ เร่งดันน้ำลงอ่าวไทย แก้วิกฤตท่วมลุ่มเจ้าพระยา

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ท่าเรือข้ามฟาก พระประแดง-พระราม 3 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วย พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผริน เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ และคณะ เดินทางไปตรวจการติดตั้งเรือผลักดันน้ำของกองทัพเรือ ที่บริเวณประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ พื้นที่รอยต่อระหว่างกรุงเทพมหานคร และ จ.สมุทรปราการ เพื่อเร่งระบายน้ำเหนือจากแม่น้ำเจ้าพระยาออกสู่อ่าวไทย

น.อ.อัศนัย นรินรัตน์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจผลักดันน้ำ กล่าวว่า เรือผลักดันน้ำดังกล่าว มีทั้งหมด 12 ลำ ซึ่งการทำงานของเรือ คือ ช่วยเร่งการระบายน้ำบริเวณที่น้ำในคลองไหลช้าในช่วงที่มีการเปิดประตูระบายน้ำ ซึ่งประสิทธิภาพของเรือ 1 ลำ สามารถเร่งระบายน้ำได้ 100,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน ซึ่งหมายความว่า หากเดินเครื่องเต็มกำลังทั้ง 12 ลำ จะสามารถระบายได้วันละ 1.2 ล้าน ลบ.ม.

Advertisement

ด้านนายสืบสกุล แสนเตปิน หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 โครงการชลประทานสมุทรปราการ กล่าวว่า ปัจจุบันมีการเปิดประตูระบายน้ำ ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งระบายไปแล้วทั้งหมดกว่า 600 ล้าน ลบ.ม.

“ขณะนี้ระดับน้ำที่ไหลผ่านมีประมาณ 3,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งถือว่าเป็นระดับวิกฤต แต่ยังไม่ท่วม โดยระดับที่จะล้นตลิ่งจริงๆ อยู่ที่ 3,500 ลบ.ม./วินาที แต่ปกติจะเห็นว่าพื้นที่ที่ท่วมจะเป็นพื้นที่หลังคันกั้นน้ำ ซึ่งตอนนี้ได้เร่งดำเนินการตามแนวทางของฤดูฝน ปี 2564 โดยทิศทางจะเป็นการเบี่ยงน้ำออกทางคลองลัดโพธิ์ ระยะความกว้างที่ 65 เมตร โดยมีการควบคุมความเร็วของน้ำ 1 เมตร/วินาที และควบคุมปริมาณที่ 100 ลบ.ม./วินาที” นายสืบสกุล กล่าว

Advertisement

ขณะที่ พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า กทม.ได้ประสานไปยังกองทัพเรือขอสนับสนุนเรือผลักดันน้ำ 10 ลำ แต่ผู้บัญชาการเจ้ากรมกิจการทหารเรือ ได้เพิ่มให้เป็น 12 ลำ ซึ่งการนำเรือผลักดันน้ำมาใช้ครั้งนี้ ไม่ได้จะช่วยแค่ในพื้นที่กรุงเทพฯ แต่เป็นการช่วยประชาชนตั้งแต่ใต้เขื่อนเจ้าพระยาลงมา ไม่ว่าจะเป็น จ.สิงห์บุรี จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.ปทุมธานี และ จ.นนทบุรี ที่จะผ่านเข้ามาก่อนถึงกรุงเทพฯ

“วัตถุประสงค์ก็คือ ยิ่งกรุงเทพฯ สามารถผลักดันน้ำลงอ่าวไทยได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งระบายน้ำที่อยู่ในจังหวัดดังกล่าวได้มากเท่านั้น จริงๆ มีเรืออีก แต่ผมคิดว่า 12 ลำตรงนี้ศักยภาพน่าจะเพียงพอแล้ว และเราได้มีการเตรียมการไว้ก่อน ไม่ต้องรอให้ถึงเวลาที่น้ำท่วมแล้วค่อยมาทำ ซึ่งเราจะสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวย้ำ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image