สธ.ยันมีระบบติดตามให้เข็ม 3 คนฉีดไขว้ซิโนแวค-แอสตร้าฯ ย้ำ! ต้องกระตุ้นทุกสูตร
จากกรณีที่ นพ.อนุตตร จิตตินันทน์ ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า สำหรับประชาชนที่ได้รับวัคซีนสูตรไขว้ เข็มแรกด้วยวัคซีนซิโนแวค ตามด้วยเข็ม 2 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า ยังไม่มีข้อมูลการติดตามภูมิคุ้มกันต่อไวรัสสายพันธุ์เดลต้าในระยะยาว จึงควรรอผลการวิจัยระดับภูมิคุ้มกันของวัคซีนสูตรดังกล่าวต่อไวรัสสายพันธุ์เดลต้าในระยะยาวก่อนการพิจารณาให้วัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 นั้น
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าวว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่ว่าจะสูตรไขว้ หรือสูตรอื่นๆ เช่น การฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็ม ซิโนแวค 2 เข็ม หรือ ไฟเซอร์ 2 เข็ม ก็จะต้องมีการเก็บข้อมูลเพื่อศึกษาระดับภูมิคุ้มกัน เพื่อดูว่าหลังฉีดแล้วภูมิฯ จะตกเมื่อไร แต่ผลทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่าภูมิคุ้มกันขึ้นแน่นอน แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงต้องติดตามประเมินผลต่อ ซึ่งเรามีระบบที่ดูข้อมูล เพื่อเฝ้าระวังอยู่ ขณะนี้ทีมของกรมควบคุมโรค ข้อมูลจากระบบการฉีดวัคซีนในประเทศ ก็รายงานข้อมูลรวมไว้ที่ศูนย์สารนิเทศที่มีการวางข้อมูลในระบบไว้แล้ว
“เราดูวัคซีนทุกสูตรที่ฉีด เพื่อประเมินผลในโลกของความเป็นจริง คือ ใช้ข้อมูลจากระบบการฉีด การนอนโรงพยาบาลหลังจากที่รับวัคซีนไปแล้วหรือไม่ ซึ่งเราเซ็ตไว้แล้ว” นพ.โสภณ กล่าวและว่า เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ในการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็พูดถึงการให้วัคซีนเข็มที่ 3 ว่า ทุกสูตรวัคซีน เราต้องดูว่าภูมิฯ ลงตอนไหน ตามหลักการแล้วก็ควรจะให้เข็มที่ 3 เพราะการฉีดวัคซีนเมื่อฉีดผ่านไป ระดับภูมิฯ จะลงอยู่แล้ว แต่จะลงช้าหรือเร็ว ก็ต้องดูว่าแต่ละสูตรเป็นอย่างไร ซึ่งสูตรไขว้ซิโนแวคตามด้วยแอสตร้าฯ จะให้เข็มที่ 3 ตอนไหน อีกกี่เดือน ก็รอข้อมูลที่มีการศึกษา เช่น รพ.ศิริราช รพ.จุฬาฯ
