จิตแพทย์เด็กแนะ พ่อแม่ควรสอนแยกแยะสัมผัส ‘ดี-ไม่ดี’ ย้ำร่างกายเด็กเป็นพื้นที่ส่วนตัว คนอื่นจับต้องไม่ได้

จิตแพทย์เด็กแนะ พ่อแม่ควรสอนแยกแยะสัมผัส ‘ดี-ไม่ดี’ ย้ำร่างกายเด็กเป็นพื้นที่ส่วนตัว คนอื่นจับต้องไม่ได้

จากกรณีแฮชแท็กดัง #หนึ่งจักรวาล หรือหมายถึง หนึ่ง จักรวาล นักดนตรี โปรดิวเซอร์ และผู้กำกับดนตรีชื่อดัง ที่ลงคลิปวิดีโอกับลูกสาว “น้องมินมิน” พร้อมระบุว่าเป็นแสดงความรัก ด้วยการจับพุง รวมถึงก้นลูกสาวอย่างมันเขี้ยว ทว่า ผู้ใช้สื่อโซเชียลมองว่าการกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากลูกสาวเริ่มโตแล้ว และอาจเข้าข่าย Child abused ได้ ต่อมา หนึ่ง จักรวาล โพสต์ขออภัยและยืนยันว่าจะระมัดระวังการแสดงออกให้เหมาะสมมากกว่านี้

  • งานเข้า! หนึ่ง จักรวาล โดนวิจารณ์ หลังลงคลิปหมั่นเขี้ยวลูกสาว จับก้น-จับพุง
  • หนึ่ง จักรวาล’ ขออภัย หลังโพสต์จับพุง-จับก้นลูก ชี้ต่อไปจะระมัดระวัง
  • ดราม่า ‘หนึ่ง จักรวาล’ เพจนักสังคมสงเคราะห์เล่าเรื่อง ชี้พฤติกรรมไม่เหมาะสม

ล่าสุดวันนี้ (27 ตุลาคม) พญ.เบญจพร ตันตสูติ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น หรือหมอมินบานเย็น จากเพจเข็นเด็กขึ้นภูเขา เปิดเผยถึงประเด็นดังกล่าวทาง เพจเข็นเด็กขึ้นภูเขา ว่า ร่างกายของหนู ห้ามใครสัมผัสตามใจชอบ เรื่องดราม่าในโซเชียลเมื่อวานและวันนี้ มีคนทั้งหน้าไมค์หลังไมค์มาบอกให้หมอเขียนบทความ อย่างไรก็ดี เท่าที่เห็นตอนนี้ในโซเชียลมีเดียมีการลงถึงครอบครัวเขามากมาย หมอคิดว่าหลายคนคงเป็นห่วง แต่ก็ต้องคิดว่ามันเกิดผลกระทบกับครอบครัว โดยเฉพาะเด็กด้วยค่ะ ดังนั้น การวิจารณ์คงต้องระมัดระวัง ทำเพื่อเป็นการสร้างสรรค์ คิดถึงใจเขาใจเราด้วย ดังนั้น หมอจะขอเขียนบทความเพื่อให้เกิดประโยชน์กับสังคม มากกว่าการตำหนิตัวบุคคลค่ะ

พญ.เบญจพรระบุว่า ในการสัมผัสต่างๆ ที่อยู่ในการวิพากษ์วิจารณ์ สิ่งที่ตามมาคือมีหลายครอบครัวสงสัยว่าสัมผัสลูกได้แค่ไหน พ่อแม่บางคนเริ่มไม่ให้ลูกกอด ไม่กอดลูก ไม่หอมแก้ม ทั้งที่เคยทำมาตลอด มีหลายคนถามหมอ บางทีหลายครอบครัวบอกว่าปฏิบัติด้วยความรัก ไม่มีเจตนา แต่ก็คงต้องพิจารณาดูความเหมาะสม คือถ้าเป็นอวัยวะที่ลับ เช่น หน้าอก อวัยวะเพศ เป็นต้น ไปล้วง หรือสัมผัสในเชิงทางเพศคงไม่เหมาะแน่นอน และ สิ่งที่สำคัญมากคือพ่อแม่ควรเป็นตัวอย่าง สอนเด็กให้แยกแยะได้ว่าสัมผัสแบบไหนดีหรือไม่ดี รับฟังเด็ก ถ้าเด็กไม่ชอบ สอนให้เด็กรู้จักปฏิเสธด้วย

Advertisement

“การสอนให้เด็กปกป้องตัวเอง จัดการได้ในเวลาที่เกิดเหตุการณ์ เริ่มตั้งแต่จุดแรกคือให้เด็กได้เข้าใจว่าร่างกายของเด็กเป็นพื้นที่ส่วนตัว เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ใครเองไม่สามารถที่จะมาล่วงล้ำหรือจับต้องได้ คนที่มีหน้าที่สอนเด็ก สำคัญที่สุดคงต้องเริ่มที่ครอบครัวและโรงเรียน

“ในรายละเอียดว่าใครสนใจว่าจะสอนเด็ก ผู้ใหญ่ควรทำอย่างไร หมอมีโปรแกรมของมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็กสอนเด็กๆ เรื่องนี้ เพราะเข้าใจว่าพ่อแม่หลายๆ คนคงเริ่มงง ทำตัวไม่ถูก

“หลายเดือนก่อนก่อนทางมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้ทำงานร่วมกันเพื่อดูแลเด็กๆ ที่ถูกทารุณกรรมหรือล่วงละเมิดทางเพศมาตั้งแต่สมัยหมอเรียนเฉพาะทางอยู่ สามารถทำตามสื่อในบทความได้ ของมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก ดีมากเลย

“ชื่อหลักสูตร ‘ตัวฉันเป็นของฉัน’ ที่พัฒนามาจากโปรแกรม Feeling Yes Feeling No ของประเทศแคนาดา เพื่อจัดกิจกรรมสำหรับเด็กเพื่อถ่ายทอดความรู้ในเรื่องการป้องกันภัยทางเพศ
โปรแกรมประกอบไปเนื้อหาดังนี้

1.การแยกแยะการสัมผัสที่ดีและการสัมผัสที่ไม่ดี เพื่อให้เด็กวิเคราะห์ถึงการสัมผัสส่วนต่างๆของร่างกายที่อาจจะนำไปสู่การล่วงละเมิดทางเพศได้
2.วิธีการปฏิเสธเมื่อเด็กอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงที่อาจถูกล่วงละเมิดทางเพศ
3.วิธีคิดวิเคราะห์ความรู้สึกของตนเองไม่ให้ไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง
4.การขอความช่วยเหลือเมื่อโดนล่วงละเมิดทางเพศ
5.เด็กพบเห็นเพื่อน หรือคนรู้จักโดนล่วงละเมิดทางเพศ ควรทำอย่างไร

“ขอเชิญชวนผู้ปกครอง คุณครู บุคคลที่อยู่แวดล้อมเด็ก และหน่วยงานต่างๆ เข้าไปศึกษารายละเอียด หรือดาวน์โหลดสื่อเพื่อนำไปสอนเด็กๆ ได้ที่ www.feelingyesnothailand.com หรือสอบถามเพิ่มเติมในกรณีที่ต้องการนำโปรแกรมไปใช้ในวงกว้าง ได้ที่ฝ่ายพัฒนาเด็กและครอบครัว มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก โทร 0-2412-0738 หวังว่าจะมีประโยชน์ และขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ หมายเหตุ : ภาพประกอบเป็นส่วนหนึ่งจากโปรแกรมที่กล่าวถึง เข้าไปดูได้ที่ www.feelingyesnothailand.com

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image