อนุทิน ชี้ปมฉีดวัคซีนจอห์นสันฯ ผิดทั้งคนหิ้ว-หมอ ไม่บันทึกชื่อในระบบ-สั่งปิดคลินิก 7 วันทันที
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่โรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์กรณีการฉีดวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน อย่างไม่ถูกต้องของคลินิกเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.สระแก้ว ว่า ล่าสุดได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ให้ดำเนินการตรวจสอบตามกระบวนการ
“มองว่าการนำวัคซีนเข้าประเทศ โดยใครคนหนึ่งถือเข้ามาให้คลินิกฉีดสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ อย่างไรก็ผิด เพราะวัคซีนมีระบบการขนส่งแบบลูกโซ่ความเย็น (Cold chain) การเก็บแบบมีคุณภาพ รู้ที่มาที่ไป ผลิตเมื่อไร หมดอายุวันไหน ไม่ใช่เดินเข้ามาแล้วฉีดให้ อ้างว่าวัคซีนขึ้นทะเบียนแล้ว แม้จะเป็นวัคซีนจริงหรือปลอมก็ผิด ถือเป็นวัคซีนที่ไม่ปลอดภัย เพราะไม่รู้ที่มา เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอยู่แล้ว วัคซีนที่ขึ้นทะเบียนเป็นภาวะฉุกเฉิน ผู้นำเข้ามาต้องเป็นผู้ที่ยื่นขอขึ้นทะเบียนเท่านั้น ถ้าไม่มีการอนุญาตอื่นใด คนถือเข้ามาก็ผิด คนฉีดก็ผิด แต่ผิดอย่างไรนั้น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สระแก้ว จะต้องดำเนินการ อย่าไปซีเรียสเรื่องนี้ เพราะไม่ใช่ความผิดในระบบของ สธ. หรือระบบราชการ แต่เป็นการจงใจหลีกเลี่ยง ทำผิดกฎหมาย ฉะนั้น เรื่องนี้ไม่มีผลกระทบต่อระบบการฉีดวัคซีนในประเทศ หรือความปลอดภัยของประชาชน” นายอนุทินกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่เลขาธิการแพทยสภา แสดงความคิดเห็นส่วนตัวว่ากรณีดังกล่าวสะท้อนถึงการจัดหาวัคซีนของรัฐบาล กับความต้องการวัคซีนที่มีประสิทธิภาพของประชาชน นายอนุทินกล่าวว่า ไม่จริง เพราะรัฐบาลบอกแล้วว่ามีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัย มีเพียงพอฉีดให้กับทุกคน แสดงให้เห็นแล้วว่าฉีดให้ทุกคนได้ หลายจังหวัดก็ฉีดเกินร้อยละ 80
“ผมไม่เชื่อว่าเลขาฯแพทยสภา จะพูดคำนี้ เวลาท่านเจอผม ท่านไม่ได้พูดคำนี้ แต่ท่านชื่นชมระบบ วันเสาร์เพิ่งเจอกัน ท่านก็ชื่นชม ให้กำลังใจ เรายังคุยกันอยู่เลย ยังขอความร่วมมือไปยังแพทยสภา ให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนมากกว่านี้ ท่านไม่ได้ตำหนิงานของ สธ.เลย” นายอนุทินกล่าว
เมื่อถามต่อว่า การฉีดวัคซีนใน จ.สระแก้ว ได้เพียงร้อยละ 54 สธ.จะต้องลงไปดูแลเป็นพิเศษหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้การฉีดวัคซีนมีความสม่ำเสมอ จัดส่งทั่วประเทศ เพียงแต่จังหวัดที่มีการระบาดสูง ก็เร่งควบคุมการระบาด ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง แต่จังหวัดที่ฉีดวัคซีนอัตราไม่สูงเท่าจังหวัดที่มีปัญหา ก็จะได้รับวัคซีนตามแผนของกรมควบคุมโรค ยืนยันว่าวัคซีนที่จัดส่งไปใน จ.สระแก้ว เพียงพอแน่นอน ส่วนจังหวัดอื่นๆ ก็พบรายงานว่ายังมีสต๊อกวัคซีนอยู่ ซึ่งต้องให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ช่วยรณรงค์ฉีด ใช้รถโมบายเข้าไปในชุมชนเลย
ด้าน นพ.ประภาส ผูกดวง นพ.สสจ.สระแก้ว กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น ยังไม่มีใครแสดงตัวว่าได้รับวัคซีนจอห์นสันฯ ทราบจากเฟซบุ๊กที่ถูกโพสต์ลงว่ามีคนรับวัคซีนไปแค่ 4 คน เท่านั้น ส่วนแพทย์เจ้าของคลินิกดังกล่าวเป็นแพทย์ใกล้เกษียณเหลืออายุราชการ 1 ปี ทั้งนี้ เบื้องต้นได้สั่งปิดคลินิกดังกล่าว 7 วัน ตาม พ.ร.บ.สถานประกอบการ เพื่อตรวจสอบตามฐานผิดตาม พ.ร.บ.ยา และ พ.ร.บ.สถานพยาบาล ขณะนี้ต้องตรวจสอบพยานแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากไม่เจอหลักฐานเป็นเวชภัณฑ์ยาวัคซีน คาดว่าใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 15 วัน เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงถึงที่มาของวัคซีนและผู้ลงมือฉีด
“เบื้องต้นทราบว่า การฉีดวัคซีนดังกล่าวไม่ได้มีการลงเวชระเบียน และให้ผู้อื่นดำเนินการฉีดแทน ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในพื้นที่ พบมีการฉีดไปแล้วร้อยละ 47-48 คาดว่าในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ จะมีการฉีดวัคซีนได้ตามเป้าร้อยละ 70 อย่างไรก็ตาม วัคซีนจอห์นสันฯ ไม่ใช่วัคซีนที่มีการนำเข้ามาอย่างถูกต้อง ไม่รู้ที่มาที่ไป ดังนั้น คนที่ฉีดวัคซีนดังกล่าวจะไม่ถือว่าเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว จึงมอบให้มีการสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชน เราได้ทำหนังสือแจ้งพื้นที่ สำรวจหาคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนดังกล่าว พร้อมติดตามอาการของผู้ที่รับวัคซีน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเขาได้รับการฉีดอะไร เพราะตามหลักของ สธ. ต้องติดตามอยู่แล้ว โดยจะมีทีม CCRT ช่วยสำรวจว่ามีใครฉีดวัคซีนอื่นเพิ่มเติมหรือไม่” นพ.ประภาสกล่าว
เมื่อถามว่า จำเป็นต้องตรวจหาคุ้มภูมิกันในผู้ที่ได้รับวัคซีนจอห์นสันฯ ดังกล่าวหรือไม่ นพ.ประภาสกล่าวว่า ในส่วนของการควบบคุมโรคไม่จำเป็นต้องตรวจ แต่กรณีนี้จะต้องหารือในเชิงวิชาการต่อไป
ด้าน นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) กล่าวว่า ได้กำชับให้ทุกจังหวัดตรวจตราเพื่อไม่ให้เกิดกรณีซ้ำรอย จ.สระแก้ว ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เข้ามาหารือกับรองนายกรัฐมนตรีด้วยตัวเอง รายงานความคืบหน้าเรื่องนี้ ว่า สสจ.ได้สั่งปิดคลินิกดังกล่าวแล้ว และกำชับเป็นรายอำเภอให้ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
