แพทย์ยันผลวิจัยสวมหน้ากากผ้า/อนามัย ถูกวิธีสกัดโควิดได้

แพทย์ยันผลวิจัยสวมหน้ากากผ้า/อนามัย ถูกวิธีสกัดโควิดได้

วันที่ 5 มกราคม นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ประสิทธิภาพของหน้ากากในการป้องกันเชื้อโควิด-19 นั้น ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการกรองอนุภาค และความกระชับของหน้ากาก โดยมีความแตกต่างกันในแต่ละประเภทของหน้ากาก ซึ่งจากผลการศึกษาของ รศ.พานิช อินต๊ะ และคณะ ที่เผยแพร่ในวารสารวชิรสารการพยาบาล ได้เปรียบเทียบประสิทธิภาพการกรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอน แสดงให้เห็นว่า หน้ากากผ้าที่ทำจากผ้าที่มีคุณภาพ เช่น ผ้าฝ้ายมัสลิน ผ้าสาลู ฯลฯ ซ้อนกันอย่างน้อย 2 ชั้น สามารถกรองเพิ่มได้มากขึ้นจากเดิมร้อยละ 53 เป็น ร้อยละ 67

แต่ต้องเลือกขนาดและปรับสายให้กระชับกับใบหน้า สวมให้คลุมทั้งจมูกและใต้คาง ให้เปลี่ยนหน้ากากผ้าทุกวัน หรือเมื่อรู้สึกเปียกชื้นในระหว่างวัน เมื่อกลับถึงที่พักให้ซักด้วยสบู่หรือผงซักฟอก แล้วนำไปตากแดดให้แห้งก่อนนำมาใช้ในครั้งต่อไป

“ส่วนหน้ากากอนามัย มีประสิทธิภาพกรองอนุภาคได้ ร้อยละ 97 โดยต้องเลือกที่ได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ซึ่งจะเป็นหน้ากากแบบ 3 ชั้น สวมให้ถูกต้อง ให้กระชับแนบกับใบหน้า ด้วยการกดแถบลวดให้แนบสันจมูก และดึงหน้ากากให้คลุมถึงใต้คาง”  นพ.สุวรรณชัย กล่าว

นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประชาชนสามารถใช้ได้ทั้งหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เพราะในกรณีที่ผู้มีเชื้อโควิด-19 และผู้ไม่มีเชื้อโควิด-19 ไม่สวมหน้ากากทั้งคู่ นับว่ามีความเสี่ยงสูงมากในการแพร่เชื้อ หรือหากผู้มีเชื้อโควิด-19 ไม่สวมหน้ากาก แต่ผู้ไม่มีเชื้อโควิด-19 สวมหน้ากากป้องกันก็ยังนับว่ามีความเสี่ยงสูงเช่นเดียวกัน การป้องกันที่ดีเพื่อให้มีความเสี่ยงต่ำมากคือ การสวมหน้ากากด้วยกันทั้งคู่

Advertisement

อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า นอกจากนี้ เมื่อต้องไปในพื้นที่เสี่ยงสูง เช่น พื้นที่ปิดหรือแออัด ให้สวมหน้ากากอนามัยทับด้วยหน้ากากผ้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกรองได้ ร้อยละ 98 และทำให้มีความกระชับยิ่งขึ้นส่วนหน้ากาก N95 มีประสิทธิภาพการกรองอนุภาคได้ร้อยละ 99 เหมาะสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ หรือผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้อ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงในการรับสัมผัสเชื้อโควิด-19

“ทั้งนี้ แม้ว่าการสวมหน้ากากที่ถูกต้องและถูกวิธี จะเป็นเกราะป้องกันโควิด-19 ได้ดี แต่หากประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล หรือ UP (Universal Prevention) อย่างเคร่งครัดควบคู่กันไป ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันได้มากขึ้นด้วย โดยมีหลัก

1.เลือกไปสถานที่ที่มีสัญลักษณ์ CFS, SHA+ และขอความร่วมมือแสดงการได้รับวัคซีนหรือผลการตรวจว่าไม่ติดเชื้อก่อนเข้าสถานที่

Advertisement

2.ให้ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 – 2 เมตร ในทุกสถานที่ หลีกเลี่ยงการเข้าไปยังสถานที่แออัด หรือระบายอากาศไม่ดี และงดใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน

3.ล้างมือบ่อยๆ ทุกครั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร เข้าห้องน้ำ ไอ จาม หรือสัมผัสสิ่งของที่ใช้ร่วมกัน

4.หากสงสัยว่ามีความเสี่ยง หรือมีอาการ ควรงดออกจากที่พัก ตรวจตนเองด้วย ATK และปรึกษาสถานพยาบาลใกล้เคียง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image