แหล่งน้ำแร่ 7,530 ปี สมบัติล้ำค่า หนองฝ้าย น้ำกินน้ำใช้ ไม่ขาดแคลน

แหล่งน้ำแร่ 7,530 ปี สมบัติล้ำค่า หนองฝ้าย น้ำกินน้ำใช้ ไม่ขาดแคลน

ตำบลหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับการขนานนามว่าเป็นพื้นที่ “อีสานภาคกลาง” เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณเขตเงาฝน หรือ Rain Shadow ทำให้ในแต่ละปีมีปริมาณฝนตกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 800-1,000 มิลลิเมตรต่อปี

ในขณะที่ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยของประเทศไทยอยู่ที่ 1,467 มิลลิเมตรต่อปี และพื้นดินส่วนใหญ่เป็นดินทราย ทำให้เก็บน้ำไม่อยู่ เวลาที่ฝนตกลงมาก็จะซึมหายลงไปใต้ดิน ไม่สามารถก่อสร้างฝายหรืออ่างเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในพื้นที่ได้

นอกจากนี้บริเวณดังกล่าวก็ไม่มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน มีเพียงลำห้วยเล็กๆ ที่จะมีน้ำไหลในช่วงฤดูฝนเท่านั้น ดังนั้น ในช่วงหน้าแล้งของทุกปีชาวบ้านจะเดือดร้อนเรื่องน้ำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำกินน้ำใช้
เรื่องน้ำเพื่อการเกษตรก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะน้ำจะกินจะใช้ยังไม่มี ต้องไปเข้าคิวรอกรอกน้ำจากบ่อน้ำบาดาล ซึ่งก็มีเพียงไม่กี่จุด ไม่เพียงพอต่อความต้องการของพี่น้องชาวบ้านตำบลหนองฝ้าย

Advertisement

ทำให้ต้องพึ่งตนเองด้วยการซื้อน้ำจากภาคเอกชน ทำให้มีค่าใช้จ่ายต่อครัวเรือนจำนวนหลายพันบาทต่อเดือน บางปีแล้งหนักถึง 8 เดือน ก็ต้องสิ้นเปลืองเงินจำนวนมากในการซื้อน้ำมาใช้ในแต่ละเดือน

ที่ผ่านมาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องน้ำให้กับชาวบ้าน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะการขุดสระไว้เก็บน้ำจะมีน้ำเพียงหน้าฝน พอถึงหน้าแล้งน้ำในสระก็แห้ง อีกทั้งยังมีตะกอนขุ่นข้น และคุณภาพน้ำเสื่อมโทรมจากสารพิษจากปุ๋ย ยาฆ่าหญ้า และยาฆ่าแมลง เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ของตำบลหนองฝ้ายมีการปลูกอ้อยเป็นส่วนมาก ทำให้มีการใช้สารเคมีกันอย่างเข้มข้นในพื้นที่

Advertisement

ดังนั้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจึงทำได้เพียงบรรทุกน้ำไปแจกจ่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในเบื้องต้นเท่านั้น และยังต้องแบกรับค่าน้ำมันในการบรรทุกน้ำไปส่งให้ชาวบ้าน และค่าไฟฟ้าในการสูบน้ำจากบ่อน้ำบาดาล ซึ่งในแต่ละปีคิดเป็นเงินงบประมาณหลายแสนบาทต่อปี

 

รัฐบาลโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ของประชาชน จึงมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สั่งการให้ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ลงพื้นที่เพื่อหาทางนำน้ำบาดาลขึ้นมาใช้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน

นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่จากทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเพื่อสำรวจค้นหาแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่ตำบลหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเวลาหลายสัปดาห์ โดยใช้เทคนิคและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการค้นหาแหล่งน้ำบาดาลระดับลึก เริ่มจากการสำรวจธรณีวิทยา ธรณีโครงสร้าง และธรณีฟิสิกส์ เพื่อหาแหล่งกักเก็บน้ำบาดาล

พบว่าบริเวณดังกล่าวมีลักษณะทางธรณีวิทยาที่เหมาะสมที่จะเป็นแหล่งกักเก็บน้ำบาดาล โดยมีลักษณะเหมือนแอ่งน้ำใต้ดินขนาดใหญ่ที่มีความกว้าง 6 กิโลเมตร ยาว 12 กิโลเมตร ซ่อนอยู่ใต้ดิน จึงได้เจาะสำรวจที่ความลึก 200 เมตร พบว่ามีชั้นกรวดทรายที่มีน้ำบาดาลกักเก็บอยู่ จำนวน 5 ชั้น พร้อมก่อสร้างบ่อน้ำบาดาล ขนาด 8 นิ้ว ที่ความลึก 200 เมตร จำนวน 1 บ่อ เพื่อใช้เป็นบ่อทดลอง

จากนั้นจึงสูบทดสอบปริมาณน้ำเป็นระยะเวลา 72 ชั่วโมง พบว่าสามารถสูบน้ำบาดาลได้อย่างต่อเนื่องในปริมาณ 40 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง และส่งตัวอย่างน้ำเพื่อทำการวิเคราะห์คุณภาพน้ำในห้องปฏิบัติการของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล

ผลวิเคราะห์คุณภาพน้ำบ่งชี้ว่า น้ำบาดาลบริเวณดังกล่าวมีคุณสมบัติเป็นน้ำแร่ มีปริมาณสารละลายมวลรวม 440 มิลลิกรัมต่อลิตร ค่า pH 7.2 มีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย คือแคลเซียม 96 มิลลิกรัมต่อลิตร แมกนีเซียม 26 มิลลิกรัมต่อลิตร โซเดียม 15 มิลลิกรัมต่อลิตร โพแทสเซียม 7.3 มิลลิกรัมต่อลิตร สังกะสี 15 มิลลิกรัมต่อลิตร และไม่พบโลหะหนัก

 

รวมถึงไม่พบเชื้อโรคหรือแบคทีเรีย หรือสารที่จะเป็นอันตรายต่อร่างกาย จึงได้ขยายผลโดยการเจาะบ่อน้ำบาดาลเพิ่มในบริเวณดังกล่าวอีก จำนวน 9 บ่อ รวมเป็น 10 บ่อ เพื่อใช้เป็นบ่อผลิตหรือบ่อสูบน้ำ จำนวน 8 บ่อ และบ่อสังเกตการณ์เพื่อใช้ในการติดตามระดับน้ำและคุณภาพน้ำ จำนวน 2 บ่อ

ต่อมากรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ส่งตัวอย่างน้ำบาดาลให้สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) ตรวจสอบและวิเคราะห์เพื่อหาค่าอายุของน้ำบาดาล ผลปรากฏว่าน้ำบาดาลในพื้นที่ตำบลหนองฝ้ายมีอายุถึง 7,530 ปี จึงทำให้มั่นใจว่าแหล่งน้ำบาดาลบริเวณนี้เป็นแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติ ที่สะอาด สามารถดื่มได้ และมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ อีกทั้งยังมีอายุสูงถึง 7,530 ปี รับรองว่าบริสุทธิ์ไร้สิ่งเจือปนแน่นอน

ดังนั้น กรมทรัพยากรน้ำบาดาลจึงได้ก่อสร้างระบบประปาขนาดใหญ่ โดยมีถังเก็บน้ำ ขนาด 2,000 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 2 ถัง และถังรักษาแรงดัน ขนาด 300 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 2 ถัง พร้อมท่อกระจายน้ำหรือท่อประธาน เพื่อส่งน้ำให้กับพี่น้องประชาชนชาวตำบลหนองฝ้ายทั้งตำบลสามารถมีน้ำแร่ธรรมชาติไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอตลอดทั้งปี ทั้งนี้ มีผู้ได้รับประโยชน์ทั้งสิ้นเกือบ 6,000 คน หรือ 1,900 ครัวเรือน และยังขยายผลส่งน้ำไปให้พื้นที่เกษตรกรรมได้รับประโยชน์อีกกว่า 3,000 ไร่

ปัจจุบัน นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้สั่งการให้สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรีสำรวจ ออกแบบวางท่อกระจายน้ำจากตำบลหนองฝ้ายไปยังตำบลอื่นๆ อีก เพื่อให้ครอบคลุมทั้งอำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรีแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image