กมธ.สาธารณสุข ส.ว. ไม่ถอย ค้านถ่ายโอนรพ.สต. ย้ำชะลอก่อน กระทบประชาชน

กมธ.สาธารณสุข วุฒิสภา ถกเข้ม 3 ประเด็นถ่ายโอน รพ.สต. แนะ ชะลอก่อนกระทบ ปชช. ชงทุกฝ่ายร่วมหารือ เล็งเสนอนายกฯ ทบทวน

เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสาธารณสุขวุฒิสภา วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่มี นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ประธานกมธ. ทำหน้าที่ประธานประชุม ได้มีวาระการพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาในด้านการถ่ายโอนภารกิจโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อาทิ การบริหารจัดการภารกิจงบประมาณ และบุคลากร รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเชิญ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมหารือ

โดยที่ประชุม กมธ.สธ. ระบุว่า ไม่ได้ขัดขวางการถ่ายโอนรพ.สต. ไปยังอบจ. แต่เล็งเห็นว่า การดำเนินการถ่ายโอนโดยไม่มีการเตรียมความพร้อมอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมา 3 ประเด็น ดังนี้

1.การตีความการดำเนินการตาม พ.ร.บ. กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ประกอบกับประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรื่อง หลักเกณฑ์และขั้นตอนการถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด อาจเข้าข่ายตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในหลายประเด็น เช่น การถ่ายโอนได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้านแล้วหรือไม่ การดำเนินการตามพ.ร.บ. เมื่อปี 2542 ที่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 แต่อาจขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2560 ที่มีการวางกรอบให้การดำเนินการต้องสอดคล้องกับหมวดปฏิรูปประเทศ หรือไม่

2.ด้านการบริหารจัดการงบประมาณให้ รพ.สต. จะเบิกผ่านหน่วยงานใด เนื่องจากเดิมผู้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้บุคลากรในสังกัด รพ.สต. จะมาจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งคำนวณรวมค่าใช้จ่ายด้านการรักษารายบุคคลของประชาชนรวมอยู่ด้วย ทำให้ยังมีความซับซ้อนด้านการเบิกจ่าย ทั้งนี้ ยังมีประเด็นด้านค่าใช้จ่ายจากความก้าวหน้าในวิชาชีพ และเงินสนับสนุนที่ถูกนำมาใช้สร้างแรงจูงใจให้เจ้าหน้าที่ รพ.สต. แจ้งความประสงค์ขอโอนย้าย ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าการจัดสรรงบประมาณส่วนนี้ไปลงที่ส่วนราชการใดและเพียงพอหรือไม่ในอนาคต

Advertisement

และ 3.ด้านทรัพยากรบุคคลสังกัด รพ.สต. ที่ประสงค์โอนย้ายและไม่ย้าย ซึ่งสธ. ควรให้ข้อมูลและความมั่นใจต่อบุคลากรที่ไม่ประสงค์โอนย้าย และ ทางผู้รับโอนต้องให้หลักประกันว่ามีงบประมาณเพียงพอ ซึ่งเชื่อว่า สำหรับ อบจ.ที่มีศักยภาพไม่น่ามีปัญหา แต่หากเป็น อบจ. ขนาดเล็กยังไม่พบความชัดเจน ซึ่งหากโอนย้ายไปแล้วเกิดปัญหากับบุคลากรขึ้นจะแก้ไขอย่างไร ทั้งนี้ หากปัญหาข้างต้นยังไม่มีแนวทางการแก้ไขที่ชัดเจนจะส่งผลกระทบต่อการให้บริการประชาชนในที่สุด

ด้าน นายสาธิต กล่าวว่า การถ่ายโอนภารกิจรพ.สต. ไปยัง อบจ. เป็นการกระจายอำนาจที่ตนเห็นด้วยในหลักการและสอดคล้องกับพ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนฯ พ.ศ.2542 ประกอบกับประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจฯ เรื่อง หลักเกณฑ์และขั้นตอนการถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัยฯ โดยจะแล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2565 สธ.เองก็มีข้อกังวลต่อการถ่ายโอนในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อาจเกิดอุปสรรคด้านการรับมือ เนื่องจากต้องเป็นแนวปฏิบัติเดียวกันทั้งประเทศ โดยถ่ายทอดการสั่งการจากกระทรวงลงไป ทั้งนี้ สธ,ขอรับทราบข้อสังเกต และข้อเสนอแนะที่ได้รับจากกมธ.สธ. วุฒิสภา

นอกจากนี้ ที่ประชุมกมธ.ยังมีมติเห็นควรให้ดำเนินการจัดทำข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการถ่ายโอน รพ.สต. โดยรวบรวมข้อมูลที่ได้รับจาการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง การจัดสัมมนา และการลงพื้นที่ศึกษาดูงาน เพื่อเสนอให้นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนชะลอการถ่ายโอนโดยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันหารือและออกแบบระบบการให้บริการ โดยอาจทำให้สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูป ด้านสาธารณสุข ที่อยู่ระหว่างการปฏิรูปเขตสุขภาพ นำร่องให้เกิดความเชื่อมโยงกันในลักษณะเครือข่ายบริการในแต่ละเขตสุขภาพ

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image