ศบค.ให้นั่งดริงก์ถึงเที่ยงคืน ดีเดย์ 1 พ.ค. เดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจ

ศบค.ให้นั่งดริงก์ถึงเที่ยงคืน ดีเดย์ 1 พ.ค. เดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 22 เมษายน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงภายหลังการประชุม ศบค. ว่า เห็นชอบปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ และการปรับมาตรการป้องกันโรค เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ให้เหลือเฉพาะพื้นที่สีเหลืองและสีฟ้า ส่วน พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จากเดิม 20 จังหวัดไม่มีอีก โดยพื้นที่สีเหลือง จากเดิม 47 จังหวัด เพิ่มเป็น 65 จังหวัด

ส่วนสีฟ้าหรือพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว เพิ่มเป็น 12 จังหวัด จากเดิม 10 จังหวัด ปรับมาตรการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารจากไม่เกิน 23.00 น. เป็นไม่เกิน 24.00 น. แต่ยังไม่อนุญาติให้เปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะเต็มรูปแบบ

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบการปรับมาตรการการเดินทางเข้าราชอาณาจักร โดยต่อไปจะไม่มีเทสต์ แอนด์ โกแล้ว แต่จะปรับเป็น 1.ผู้เดินทางที่ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ ลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass มีวงเงินประกัน จำนวน 10,000 USD ให้ยกเลิกการตรวจอาร์ที-ซีพีอาร์เมื่อมาถึง แนะนำให้ตรวจเอทีเอด้วยตัวเองระหว่างพำนัก 2.ผู้เดินทางที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับแต่ไม่ครบตามเกณฑ์ ลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass มีวงเงินประกัน 10,000 USD สามารถยื่นหลักฐานผลตรวจอาร์ที-ซีพีอาร์ ไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทางมาถึงประเทศไทย สามารถเดินทางเข้าราชอาณาจักรได้เช่นเดียวกันกับผู้เดินทางที่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์

ด้านนพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษา ศบค. กล่าวว่า การผ่อนคลายมาตรการต้องดูสถานการณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้คาดว่ายอดผู้ป่วยจะเพิ่มสูงขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ ปรากฏว่าประชาชนให้ความร่วมมือดีมาก ตอนนี้จึงต่างจากที่คาดการณ์ไว้อย่างมาก ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่จากการตรวจ RT-PCR อยู่ที่ 2.1 หมื่นราย หากรวมกับการตรวจเชื้อแบบเอทีเค จะอยู่ที่ 4-5 หมื่นราย ซึ่งเราเคยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้หลายเท่า จึงคิดว่าแนวโน้มการติดเชื้ออยู่ในช่วงขาลง ดังนั้นต้องมาคิดถึงเรื่องเศรษฐกิจ เพราะตอนนี้ฟื้นช้ากว่าประเทศอื่น หากช้าไปอีก 1-2 เดือนประเทศจะเสียโอกาส จึงต้องผ่อนคลาย เพราะรายได้หลักมาจากการท่องเที่ยว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image