จิตแพทย์ ชี้ข้อมูลยุคโควิด มีผู้ป่วยจากสารเสพติด เข้ารพ.พุ่ง เด็กฆ่าตัวตายสูง 3-4 เท่า

จิตแพทย์เผยข้อมูลยุคโควิด ผู้ป่วยจากสารเสพติดตบเท้าเข้า รพ. พุ่ง! พบเด็กฆ่าตัวตายสูง 3-4 เท่า อ.นิติศาสตร์ มธ. ชี้ ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับ ภท.เอื้อนายทุน-ขาดการคุ้มครองสุขภาพ แนะเพิ่มบทลงโทษกรณีไร้ใบอนุญาต

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) ร่วมกับสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย จัดเสวนาวิชาการและการประชุมวิชาการศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด โดยมี รศ.พญ.รัศมน กัลยาศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) นพ.สุจิระ ปรีชาวิทย์ โรงพยาบาลจิตเวชสระแก้วราชนครินทร์ ศ.นพ.ชวนันท์ ชาญศิลป์ นายกสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย นายไพศาล ลิ้มสถิตย์ กรรมการบริหารศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ น.ส.ภูวิชชชญา เหลืองธีรกุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดียาเสพติด 10 ร่วมเสวนาผ่านระบบออนไลน์ (Zoom Cloud Meeting)

รศ.พญ.รัศมนกล่าวว่า วันนี้สังคมเห็นด้วยในการนำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ และลุ้นการพิจารณาผ่านร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. … ในสภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังมีความเป็นห่วงผลกระทบกับสุขภาพ ดังนั้น การใช้กัญชาต้องใช้อย่างถูกต้อง เข้าใจผลข้างเคียง ทั้งนี้ จากการศึกษาย้อนหลัง 3 ปีต่อเนื่อง พบกลุ่มอายุต่ำกว่า 20 ปี มีการใช้กัญชาแบบสูบเพิ่มมากขึ้น ส่วนการกิน การดื่มพบเพิ่มทุกกลุ่มอายุโดยเฉพาะวัยกลางคน ดังนั้น ก้าวย่างต่อไปต้องมั่นคง ปลอดภัยกับทุกฝ่าย

นพ.สุจิระกล่าวว่า สาร THC ส่งผลต่อสมองทั้งระยะสั้นและระยะยาว ทำให้การถอดรหัสพันธุกรรมและการสร้างโปรตีนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม การใช้กัญชาอาจทำให้เกิดอาการโรคจิตมีหูแว่วหวาดระแวง โรคซึมเศร้า ความคิดหรือความพยายามฆ่าตัวตาย นอกจากนี้ยังทำให้โรคจิตเวชเดิมแย่ลง ทั้งโรคจิตเภท โรคอารมณ์สองขั้ว โรควิตกกังวล และ PTSD ปัญหาสำคัญที่สุด คือ ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคจิตเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการใช้ และติดสารเสพติดชนิดอื่นด้วย จากการศึกษาในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาที่ประกาศใช้นโยบายกัญชาทางการแพทย์ทั้งแบบจำกัดข้อบ่งชี้และแบบเปิดกว้างที่ไม่จำกัดข้อบ่งชี้ พบว่ารัฐที่ใช้นโยบายกัญชาแบบเปิดกว้างนั้นมีอุบัติการณ์ของโรคจิตเวชรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นข้อมูลจากประเทศที่อนุญาตให้ใช้กัญชาแบบสันทนาการได้พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยและผู้ได้รับผลกระทบจากกัญชาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“สำหรับประเทศไทย มีรายงานจากฐานข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข ปี 63-64 ช่วงการระบาดของโควิด-19 พบว่า ผู้รับบริการแบบผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในแผนกจิตเวชลดลง แต่ผู้เข้ารับการรักษาโรคจากการใช้สารเสพติดไม่รวมแอลกอฮอล์และบุหรี่ มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องถึง 20-40% การออกนโยบายกัญชาจึงควรสร้างสมดุลระหว่างประโยชน์และอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อสังคมโดยรวม รัฐควรทำให้ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้กัญชาสามารถเข้าถึงและได้รับประโยชน์สูงสุด ในขณะเดียวกันยังสามารถป้องกันบุคคลทั่วไปและเยาวชนจากความเสี่ยงของกัญชารูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการอย่างเสรีอีกด้วย” นพ.สุจิระกล่าว

Advertisement

ด้าน ศ.นพ.ชวนันท์กล่าวว่า กัญชายังถือเป็นสารเสพติด ผู้ใหญ่จะมีโอกาสเสพติดประมาณ 9% เด็ก วัยรุ่น 17% และมีผลกระทบต่อการทำงานของสมองโดยเฉพาะเด็ก วัยรุ่น ซึ่งจากการทำ MRI พบสมองเล็กลง รอยหยักเปลี่ยนไป เกี่ยวข้องกับความสามารถในการเรียนรู้และสติปัญญา ไอคิวลด มีผลต่อความจำ ความสามารถในการใช้เหตุผล สมาธิ ทักษะแก้ปัญหาชีวิต มีปัญหาความยับยั้งชั่งใจ ส่งผลต่อพฤติกรรมความรุนแรง พบความสัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย เกเร ทั้งนี้ พบพฤติกรรมฆ่าตัวตายในวัยรุ่นที่ใช้กัญชา สูง 3-4 เท่า ซึ่งน่ากังวลหากเปิดใช้กัญชาที่ไม่ใช่ทางการแพทย์ ปัญหาการฆ่าตัวตายอาจจะเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อครอบครัว เกิดความเครียดทั้งจากกัญชา และการเงิน มีข้อมูลพบการใช้ความรุนแรงทางร่างกาย ความรู้สึก การล่วงละเมิดทางเพศสูงขึ้นด้วย ดังนั้น ข้อเสนอของสมาคมจิตแพทย์ฯ คือ ร่าง พ.ร.บ.ที่จะผ่านสภา นั้นขอให้ตีกรอบเฉพาะการใช้ทางการแพทย์ก่อน ส่วนการใช้ที่นอกเหนือจากทางการแพทย์ ขอให้รอพัฒนาระบบการใช้กัญชาทางการแพทย์ให้เข้าที่ก่อน มีการควบคุมการผลิต ป้องกันการใช้นอกระบบ หากทำสิ่งเหล่านี้ได้ดีแล้วค่อยมาว่าเรื่องการใช้กัญชาด้านอื่นๆ ต่อไป

ด้าน นายไพศาลกล่าวถึงนโยบายกัญชาของภาครัฐกับผลกระทบของร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. … ของพรรคภูมิใจไทยต่อสังคมไทย ว่า กัญชาหรือพืชกัญชา ถือเป็นยาเสพติดตามกฎหมายยาเสพติดระหว่างประเทศคือ อนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยสารเสพติด ค.ศ.1961 (Single Convention 1961) การแก้ไขประกาศ สธ. ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด จะส่งผลทำให้พืชกัญชาในส่วนที่มีสาร THC สูง ซึ่งมิใช่สารสกัด ไม่เป็นยาเสพติดประเภท 5 ตามประกาศ สธ.เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ.2565 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 มิ.ย.2565 จึงขัดต่อกฎหมายยาเสพติดระหว่างประเทศ ไม่มีประเทศใดออกกฎหมายลักษณะนี้ จะทำให้การค้ากัญชาผิดกฎหมายกลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ทำให้มีใช้เพื่อสันทนาการได้อย่างถูกต้อง ซึ่งประเทศไทยยังขาดความพร้อมในเรื่องนี้ อาจส่งผลเสียมากต่อสังคมและประชาชน มีการใช้กัญชาเพิ่มขึ้น จนส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว ทำให้เกิดอาชญากรรม อุบัติเหตุ ปัญหาสังคม

“ทั้งนี้ การจัดทำร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. … ที่เสนอโดยพรรคภูมิใจไทย มีจุดอ่อนหลายประการ เน้นการส่งเสริมการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับกัญชาที่เอื้อต่อกลุ่มทุน ขาดมาตรการคุ้มครองสุขภาพ ขาดมาตรการควบคุมการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพโดยเฉพาะอาหารและเครื่องดื่มที่เหมาะสม ซึ่งในกฎหมายต่างประเทศจะมีมาตรการเข้มงวดในเรื่องนี้ นอกจากนี้ รัฐบาลและ สธ.ยังละเลยการเสนอร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญและอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง” นายไพศาลกล่าว

Advertisement

ด้าน นางสาวภูวิชชชญากล่าวถึงข้อเสนอกฎหมายกัญชาจากหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ว่า ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่เสนอนั้น มีบางอย่างที่ก่อให้เกิดความสับสนในเรื่องการสื่อสาร และการนำไปบังคับใช้ ดังนั้น ข้อเสนอแนะคือให้มีการปรับบทนิยามในมาตรา 3 มาตรา 4 เรื่องการใช้เพื่อประโยชน์ในครัวเรือน และเพิ่มมาตรการรองรับการครอบครองกัญชา หรือกัญชง ภายหลังการสิ้นอายุการแจ้ง หรือสิ้นอายุใบอนุญาตว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป และพิจารณาบทกำหนดโทษกรณีที่ไม่จดแจ้งหรือไม่ขออนุญาตครอบครองภายหลังสิ้นอายุใบอนุญาต เพราะในร่างไม่ได้มีการกำหนดไว้ และควรมีการกำหนดหมวดใหม่ ในร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ให้มีการตั้งกองทุนสำหรับเยียวยาผลกระทบจากกัญชา กัญชง เพิ่มเติม เนื่องจากเรื่องนี้อยู่ภายใต้การกำกับของ สธ. จะมาใช้กองทุนของ ป.ป.ส.ไม่ได้ ซึ่งเท่าที่ดูร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ยังไม่ได้กำหนดตรงนี้ไว้ ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญที่ควรจะต้องมี เพราะสุดท้าย พ.ร.บ.อาจจะบังคับใช้ไม่ได้จริง เนื่องจากปัจจุบันมีการมองในมุมการแพทย์ การรักษาพยาบาล แต่ไม่ได้มองในมุมที่จะเกิดขึ้นตามมา เพราะเท่าที่ดูน่าจะเป็นทุนใหญ่ที่มาขออนุญาต ดังนั้น ต้องเขียนไว้ในร่าง พ.ร.บ.ให้ชัดเจน เพราะถ้าผลักดันภายหลังเป็นเรื่องยากมาก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image