เริ่มแล้ว! อสม.-ปชช.ตบเท้าเข้างาน ‘มหกรรม 360 องศา ปลดล็อคกัญชาฯ’ พร้อมรับนโยบายอนุทิน
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในงาน “มหกรรม 360 องศา ปลดล็อคกัญชา ประชาชนได้อะไร” ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด กัญชาคืนชีวิตสร้างเศรษฐกิจให้ประชาชน ระหว่างวันที่ 10-12 มิถุนายนนี้ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์
บรรยากาศเวลา 08.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) แพทย์ พยาบาล ผู้ประกอบการรายย่อย ภาคเอกชน ไปจนถึงประชาชนจากทั่วทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคอีสานและจังหวัดข้างเคียง ต่างหลั่งไหลเดินทางมาลงทะเบียนเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก ภายใต้มาตรการป้องกันโรคโควิด-19 โดยตั้งแต่ทางเข้ามีจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ บริการเจลแอลกอฮอล์ ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข และตรวจหาอาวุธก่อนเข้างาน
ทั้งนี้ ระหว่างทางเดินเข้างาน มีการตั้งต้นกัญชาประดับตลอดสองข้างทาง ไปจนถึงติดสติ๊กเกอร์ลายใบกัญชาที่พื้นเพื่อสร้างบรรยากาศ ซึ่งมี อสม.และประชาชนสนใจถ่ายภาพคู่กับต้นกัญชาเป็นจำนวนมาก
สำหรับงาน “มหกรรม 360 องศา ปลดล็อกกัญชา ประชาชนได้อะไร” จัดขึ้นเป็นครั้ง 2 ต่อเนื่องจากงาน “กัญชากัญชง 360 องศาเพื่อประชาชน” เมื่อ 5-7 มีนาคม 2564 โดยได้รับความอนุเคราะห์สถานที่จากสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางพร้อมรองรับผู้ร่วมงานอย่างเต็มที่ ทั้งในส่วนของงานมหกรรมและลานจอดรถ โดยวันนี้ นายอนุทิน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะเดินทางมาเป็นประธานเปิดงานสัมมนาทางวิชาการ แสดงปาฐกถา และมอบนโยบายต่อหน่วยงานสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 9
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไฮไลต์ของงานวันนี้คือ กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ตั้งจุด “แจก…กัญ…ฟรี” 1,000 ต้นแรก ตามโครงการผลิตกัญชา กัญชง 1,000,000 ต้น ที่พัฒนาสายพันธุ์โดยกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อรองรับการใช้ประโยชน์ในครัวเรือนและทางการแพทย์ ซึ่งจะแจกจ่ายให้กับประชาชน วันแรก 500 ต้น หลังจากเสร็จสิ้นพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ
มีขั้นตอนคือ ต้องลงทะเบียนที่บูธ อย. เพื่อทำการจดแจ้งผ่านแอพพลิเคชั่น ‘ปลูกกัญ’ พร้อมระบุวัตถุประสงค์การจดแจ้ง 3 วัตถุประสงค์ คือ 1.เพื่อดูแลตนเองในครัวเรือน 2.เพื่อการแพทย์ และ 3.เชิงพาณิชย์ ซึ่ง 1 ประเภทวัตถุประสงค์ จะได้รับ 1 ใบจดแจ้ง
สำหรับ คุณสมบัติของผู้รับต้นกัญชา ต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยเมื่อจดแจ้งแล้วเสร็จ จะได้รับต้นกล้ากัญชาหรือกัญชงกลับบ้านทันที หากวันนี้หมดแล้ว สามารถมารับได้ในวันต่อไป ซึ่งวันที่ 11-12 มิถุนายน จะแจกอีกวันละ 250 ต้น
อีกหนึ่งไฮไลต์ คือการเปิดตัวแอพพลิเคชั่น ‘ปลูกกัญ’ ของ อย. ให้ประชาชนสามารถจดแจ้งการปลูกได้ง่ายขึ้น ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้กัญชา
นอกจากนี้ ยังมีเวทีสัมมนาวิชาการทุกวัน ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญทุกด้านของกัญชา กัญชง ตั้งแต่ต้นจนถึงปลายน้ำ ทั้งการปลูก สกัด แปรรูป มาร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ โดยแบ่งออกเป็นห้องสัมมนาหลัก และห้องสัมมนาย่อย ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ของอาคาร
ภายในงานชั้นล่าง แบ่งออกเป็น 4 โซน คือ 1.โซนบูธ หน่วยงานราชการและเอกชน จำนวน 15 บูธ 2.โซนวิสาหกิจชุมชน จำนวน 23 บูธ 3.โซน OTOP จำนวน 10 บูธ และ 4.โซนบูธอาหาร กว่า 40 ร้าน โดยตั้งอยู่ภายในพิท สต๊อป (Pit Stop) ของสนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต
โดยบูธของ ‘สถาบันกัญชาทางการแพทย์’ จะช่วยประสานงานให้ประชาชนนำกัญชาไปใช้ประโยชน์ทางสุขภาพ พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องการรักษา และการต่อยอดทางเศรษฐกิจ
บูธ ‘สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา’ เปิดบริการให้คำปรึกษาเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการขออนุญาตการปลูกเชิงพาณิชย์ รวมทั้ง ตั้งจุดแนะนำการใช้แอพพลิเคชั่น “ปลูกกัญ” เพื่อจดแจ้ง สำหรับประชาชนที่ประสงค์ปลูกกัญชา
ขณะที่บูธ ‘กรมการแพทย์และกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก’ จัดนิทรรศการการรักษาด้วยยากัญชา พร้อมทั้งให้คำปรึกษาเรื่องโรคและยากัญชา
บูธ ‘กรมสุขภาพจิต’ ให้คำปรึกษา ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างปลอดภัย
บูธ ‘กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์’ จัดนิทรรศการให้ความรู้เรื่องสายพันธุ์กัญชา มีบริการการตรวจวิเคราะห์สารต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานอื่น เช่น กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาร่วมให้ความรู้ในการปลูกกัญชาและกัญชง
บูธ ‘สำนักงานการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ’ นำหลักสูตรการอบรม การแปรรูปกัญชามาจัดแสดง ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเรียนได้ภายในงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อีกหนึ่งส่วนที่ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก คือ ‘คลินิกกัญชาทางการแพทย์’ โดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีประชาชนทยอยเข้ามาพูดคุยกับแพทย์ ตรวจรักษา และรับยากลับบ้านอย่างต่อเนื่อง
น.ส.รุ่งศิริ แอบเพชร ประธานอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) หมู่ 14 ต.ห้วยจรเข้มาก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า วันนี้ตนและสมาชิก อสม. เข้ามาร่วมงานกัญชา 360 องศา เพื่อรับฟังนโยบายจาก รมว.สาธารณสุข ในการนำไปปรับใช้ดูแล ป้องกันการนำกัญชาไปใช้ในทางที่ผิด โดยประชาชนในหมู่บ้านที่ตนเองดูแลอยู่นั้นกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ มีความสนใจปลูกกัญชามาก
ขณะนี้ มีการปลดล็อกให้ปลูกในครัวเรือนได้ ผู้ใหญ่บ้านก็ช่วยประกาศประชาสัมพันธ์ให้คนในหมู่บ้านจดแจ้งปลูกกัญให้ถูกต้อง ทั้งนี้ คนในหมู่บ้านส่วนหนึ่งปลูกอยู่แล้ว มีความเข้าใจในการใช้กัญชาดี การปลดล็อกครั้งนี้จึงไม่น่ากังวล
