ซีอีโอ ‘เต่าบิน-ยันฮี-แบล็คแคนยอน’ ย้อนจุดเริ่ม แนะจุดขาย ‘เมนูกัญชา’ ย้ำตลาดต้องเสรี

จากซ้าย ประวิทย์ จิตนราพงศ์-วทันยา อมตานนท์-นพ.สรรพสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา

ซีอีโอ ‘เต่าบิน-ยันฮี-แบล็คแคนยอน’ ย้อนจุดเริ่มทำ ‘เมนูกัญชา’ มองจุดขาย คือการลองของแปลก ย้ำตลาดต้องเสรี

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในงาน “มหกรรม 360 องศา ปลดล็อคกัญชา ประชาชนได้อะไร” ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ภายใต้แนวคิดกัญชาคืนชีวิตสร้างเศรษฐกิจให้ประชาชน ระหว่างวันที่ 10-12 มิถุนายน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น.

โดยเวลา 13.00 น. มีการสัมมนาในหัวข้อ “แปรรูปกัญชา ทางเลือก ทางออก ของผู้ประกอบการ เพื่ออนาคตประเทศไทย”

นายประวิทย์ จิตนราพงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แบล็คแคนยอน ประเทศไทย (จำกัด) เปิดเผยว่า เราเริ่มตั้งแต่เมื่อต้นปีที่แล้ว ตอนที่ไทยเริ่มเปิดเกี่ยวกับธุรกิจกัญชา เรามองเห็นโอกาส 300 กว่าสาขา น่าจะเอามาเป็นจุดประกายให้คนสนใจกัญชามากขึ้น เราเลือกเฉพาะบางสาขาที่มีโอกาสขาย พอเป็นอะไรที่เปิดใหม่ ก็งงกันทุกฝ่าย เราไปถามหลายฝ่าย บางรายมีความพร้อม มากบ้าง-น้อยบ้าง แต่ต้องมีโอกาสเป็นจุดเริ่มต้นจึงจะก้าวเดินไปได้

“ตอนนั้นกัญชาเป็นของใหม่ คนศึกษา ซื้อหนังสือเป็นตั้งๆ ดูผลดี ผลเสีย ข้อดีเยอะ ข้อเสียเมา เราเห็นแค่ว่าถ้าไปมองข้อเสียจะไม่เห็นจุดดีของสินค้า เมื่อไปสอบถามผู้รู้เห็นว่าการที่ไทยมีธุรกิจกัญชามันเปิดโลก ไม่ได้ปิดตัวเองอยู่กับความกลัวเหมือนสุรา ซึ่งกัญชาสูบแล้วมึนๆ ไม่ถึงกับเสียชีวิต คือโอกาสทางธุรกิจและสาธารณสุขด้วย” นายประวิทย์กล่าว

Advertisement

เมื่อถามถึงคุณสมบัติของกัญชาในอาหารและเครื่องดื่ม?

นายประวิทย์กล่าวว่า ช่วงแรกที่นำมาทดสอบ ตนไม่เคยลอง จึงมีโอกาสลอง

“นั่งมึนอยู่เป็นชั่วโมง เพิ่งรู้ว่าเมากัญชาเป็นแบบนี้ อยู่เฉยๆ ก็เหมือนเสียงแว่ว ก็ต้องนั่งตั้งหลักตรงนี้ว่าทุกอย่างต้องอยู่ด้วยความพอดี ก่อนเป็นเครื่องดื่ม เราต้องศึกษาผู้รู้ คุย อย., สาธารณสุข สิ่งหนึ่งที่เราเจอ คือเรื่องกฎหมาย ยังไม่มีความชัดเจนในหลายๆ ด้าน” นายประวิทย์กล่าว

Advertisement

เมื่อถามถึงผลิตภัณฑ์จากกัญชา?

นายประวิทย์กล่าวว่า ตอนนี้เรามีเครื่องดื่มอยู่หลายอย่าง ชงจากชา ใบกัญชาตากแห้ง ตอนนั้นเราใช้ของกรมการแพทย์แผนไทยที่ผลิตขึ้นมา เราซื้อขาดอีกรายหนึ่ง ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และวิสาหกิจชุมชนเพลาเพลิน นำมาชงเครื่องดื่ม รวมถึงใส่ในบุกที่นำเข้าจากไต้หวัน ทานแล้วไม่อ้วน

“พวกอาหาร ช่วงนั้นเรานำใบกัญชาปรุงเป็นส่วนประกอบอาหาร ที่ขายดีคือ ใบกัญชาทอดกรอบ ตอนนั้นเห่อกันมาก ใบกิโลกรัมละเป็นหมื่น เมนูเรามีหลากหลาย ทั้งแซนด์วิช ไข่กระทะ ก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย สเต๊ก ฯลฯ ใส่เข้าไปหมด เนื่องจากเรามีทีมที่วิจัยและพัฒนา ก็มีทั้งเมนูเดิมและประยุกต์เข้าไป การทำเมนูกัญชาใส่ได้ทุกเมนู เท่าที่จะมีจินตนาการคิดสร้างสรรค์ได้ ขอให้หาจากแหล่งที่ปลอดภัย มีดินที่ดี ซึ่งรสชาติไม่เปลี่ยนเยอะ เพราะความจริงใส่แค่ 1-2 ใบ อาจจะให้ THC CBD นิดหน่อย เครื่องดื่มใส่ขวดก็ต้องปรุงสดจากร้าน

“ผมเห็นข้างล่างมีหลายเจ้า เอากัญชามาผสม ตอนนี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว ช่วงต้นปีโควิด-19 ระบาด ก็มีบทความว่า ทานกัญชา มีสารช่วยต่อต้านโควิดได้” นายประวิทย์กล่าว

นายประวิทย์กล่าวถึงอุปสรรคในการทำธุรกิจอาหารกัญชาว่า อันดับแรกคือ 1.หาใบยากมาก ในช่วงเริ่มต้น ความต้องการสูง พรรคพวกที่ทำร้านอาหารอยากได้ใบกัญชาทั้งนั้น เหมือนทอง แพงมาก 2.ความไม่ชัดเจนของกฎหมายในช่วงนั้น แต่ในท้ายที่สุดทุกอย่างจะค่อยๆ คลายที่ละนิด 3.ความไม่รู้ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับด้านกฎหมาย

“อีกประการคือช่วงนั้นโควิดเข้ามา ใบกัญชามีความต้องการ เราจะขายออนไลน์ก็ไม่ได้ มีกฎหมายบังคับอยู่ จึงเลือกขายบางสาขา แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากทดลอง สั่งดิลิเวอรี

เราอยากจะได้ CBD THC ที่เกิดจากการสกัด ต้องคุยกับบางเจ้า เช่น นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ซี่งมีความบริสุทธิ์สูง ตอนนี้กำลังคุยกับบางโรงงานในไทย นักลงทุนรอดูความชัดเจน จึงสั่งเครื่องไม้เครื่องมือ เมื่อตั้งแล้วสกัดแล้ว ส่วนใหญ่ก็ยังใช้เพื่อการแพทย์อยู่” นายประวิทย์ระบุ

เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่ที่ตลาดมีผู้เล่นมากขึ้น?

นายประวิทย์กล่าวว่า น่าจะดี คงสนุก ตลาดต้องเสรี ไม่ควรผูกขาด กัญชาเหมือนผัก ตามตลาดทั่วไป ผู้บริโภคเยอะมาก

“พอเปิดเสรีแบบนี้ ผมเชื่อว่าคนจะเข้ามาเล่นเยอะ และกลายเป็นอะไรที่ธรรมดา เอามาทำอาหาร เอาใบมาตาก ชงชา เป็นเรื่องปกติ” นายประวิทย์ย้ำ

เมื่อถามถึงกระแสการนำเอากัญชามาใส่อาหารและเครื่องดื่ม?

นายประวิทย์ชี้ว่า ช่วงต้นเป็นกระแสแรง แล้วเข้าสู่ภาวะปกติ คงไม่มีอะไรตื่นเต้นไปมากกว่านี้ ที่น่าตื่นเต้นคือทางการแพทย์มากกว่าว่าจะเอากัญชามารักษาผู้ป่วยอย่างไรให้ได้ผล ความทรมานลดน้อยถอยลง การทำวิจัยต่างๆ อาจจะมีมากขึ้นโรงงานต่างๆ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสกัดกัญชาโดยเฉพาะ มีหน่วยงานไปวิจัย

ประวิทย์ จิตนราพงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แบล็คแคนยอน ประเทศไทย (จำกัด)

เมื่อขอข้อแนะนำแก่ผู้ประกอบการรายย่อย?

นายประวิทย์กล่าวว่า ตนว่าปัญหาที่รายย่อย หรือวิสาหกิจชุมชนมักเจอ คือเครื่องดื่มคล้ายๆ กัน อย่าไปทุ่มมากเกินไป ในการปลูก หรือทำไร่กัญชา การจะทำจริงจังไม่ง่าย ใช้เงินเยอะมาก ต้องรักษาอุณหภูมิ

“อีกหน่อยถ้าเราปลูกเยอะ แล้วคนซื้อจะขายใคร เหมือนใบกระท่อม กลางสี่แยก ข้างทางมีแต่ใบกระท่อม อาจจะพอขายเลี้ยงตัวเองได้ ส่วนตัวผมหยด CBD บ้างในบางคืน เพราะในร่างกายเรามีสารใกล้เคียงกับสารสกัดใบกัญชา ก็จะช่วยปรับสมดุลของร่างกายได้

“เมื่อเปิดประเทศก็จะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่ง คงไม่น้อยที่อยากจะลองกัญชาไทย เพราะในอาเซียนไม่มีประเทศไหนเปิดเหมือนเรา คงจับตามองไทย เห็นโอกาสในด้านนี้ ตลาดต่างชาติอาจจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเรื่องสันทนาการ และมองกัญชาเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษา” นายประวิทย์ระบุ

นายประวิทย์กล่าวอีกว่า อย่าไปคิดมาก วางแผนจนไม่ได้ทำ เพียงแค่ใส่ปริมาณให้เหมาะสม เอาใบจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ปลูกหลังบ้านเรามีสารจากดินหรือไม่ ต้องดูให้ดี แม้ใบมีมากขึ้น แต่ราคาสูง ถ้าซื้อมาไม่เก็บในห้องควบคุมอุณหภูมิจะเสียง่าย ตอนเก็บในตู้เย็น ต้องจัดวางให้เหมาะสม

เมื่อถามว่า หลังปลดล็อกกัญชาแล้วถืองว่าทิศทางดีหรือไม่?

นายประวิทย์กล่าวว่า อยางไรก็ดี ทั้งในแง่โอกาสเศรษฐกิจ ชาวบ้านมีทางเลือกในการปลูก บริโภคเอง แต่คนไม่แน่ใจว่าหน่วยงานรัฐมีจำกัดปริมาณหรือไม่

“ผลผลิตอาจต้องตั้งโรงงานสกัดในเมืองไทย มี 2-3 บริษัทใหญ่ อีกประการ ผมมองว่าอาจะมีแนวโน้มผลิตภัณฑ์ยาไปจำหน่ายต่างประเทศที่เปิดรับได้ เครื่องสำอาง แบรนด์ญี่ปุ่น อเมริกา เกาหลี ก็ใช้สมุนไพรจากบ้านเราไปสกัด แล้วส่งกลับมาขายแพงมาก เป็นต้น” นายประวิทย์กล่าว

เมื่อถามความเห็นว่า กัญชาประเทศไทยดีกว่าต่างประเทศหรือไม่?

นายประวิทย์กล่าวว่า ขึ้นอยู่ที่อากาศ คุณภาพดิน และความรู้ของสายเขียว ตนคุยหลายคน เขาก็ยังต้องจ้างสายเขียวมาเป็นที่ปรึกษา ทฤษฎีไม่พอ เพราะเขาปลูกมานาน จะรู้ภาคปฏิบัติ จึงต้องเอามาผสมกัน

ประวิทย์ จิตนราพงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แบล็คแคนยอน ประเทศไทย (จำกัด)

เมื่อถามถึงมุมมองการทำธุรกิจกัญชาในเรื่องโอกาสและการเติบโต?

นายประวิทย์ระบุว่า ตลาดกว้างใหญ่ แต่ในที่สุดผู้เล่นรายใหญ่ก็จะครองตลาด เริ่มมีเครื่องดื่มวางขายตามเชนซูเปอร์มาร์เก็ต ออกเป็น 10 รสชาติ ใน กทม.ก็มีหลายราย ซึ่งต่างคนต่างเคลมว่าเป็นรายแรกที่ได้รับ อย.

“ในวงการกัญชามีทั้งของจริงและของปลอม มีทั้งกลุ่มที่หลอกให้โอนเงินแล้วหาย ต้องระวัง เช็กให้ดี บางคนบอกให้เมล็ดฟรี แต่หลอกเอาค่าส่ง 100-200 ก็เอา ทุกธุรกิจจะมีปัญหา ทุกปัญหามีทางออก และทุกทางออกก็มีปัญหาอีก สู้ไป เดี๋ยวก็เจอทางสว่างเอง ทุกอย่างเมื่อมีจุดเริ่มต้น ต้องมาแก้ไข หาจุดโหว่ เหมือนสภาที่ต้องแก้นู้นแก้นี่ ทุกอย่างมีทางออก” นายประวิทย์กล่าว

นายประวิทย์ยังตอบคำถามชาวบ้านที่ร่วมฟังสัมมนา ถึงปลายทางการวางขายด้วยว่า รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย ชาวบ้านไม่มีอำนาจต่อรอง จึงต้องรวมเป็นวิสาหกิจชุมชน และผู้นำต้องมีปัญญา ต่อรองภาครัฐให้ช่วยแก้ปัญหา

“ต้องฝากฝ่ายภาครัฐให้ความสำคัญเสียงของชาวบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญ ชาวบ้านมองเห็นความหวัง แต่ริบหรี่ ไม่รู้จะทำอย่างไร เรื่องการตลาดเป็นปัญหาโลกแตก ผลิตแล้วจะไปขายที่ไหน บางเรื่องยังไม่เข้าใจกลไกของรัฐ ภาครัฐก็ปัญหาเยอะ ทั้งกฎหมาย งบประมาณ และการไม่บูรณาการ” นายประวิทย์กล่าวทิ้งท้าย

ด้าน น.ส.วทันยา อมตานนท์ ผู้บริหารและเจ้าของแบรนด์เต่าบิน บริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัด กล่าวถึงจุดเริ่มต้นว่า ความจริงอยากทำมานานแล้ว เรื่องกัญชา ตอนที่เริ่มทำครั้งแรก ไม่มีใครทราบว่ากฎเป็นอย่างไร พอเราเริ่มศึกษาเพิ่ม เริ่มรู้ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมาใส่ในตู้ ตนสนใจเป็นพิเศษ ด้วยคุณสมบัติ CBD เป็นชาเลนจ์อย่างหนึ่งที่จะทำให้คนเข้าใจว่าไม่ได้เมาอย่างเดียว แต่มีคุณสมบัติอย่างอื่นด้วย

เมื่อถามว่า ตอนแรกที่ทำเครื่องดื่มผสมกัญชาคิดว่าจะขายได้หรือไม่?

น.ส.วทันยากล่าวว่า ตอนนี้แน่อยู่แล้ว ขายได้ เพราะกัญชาเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่มาก เรามีตัวทีมที่รีเสิร์ชว่าจะเอาอะไรมาใส่ในตู้ ซึ่งกลิ่นกัญชามีความหอมเหมือนน้ำใบเตย จึงคิดว่าไม่ใช่แค่เรื่องเมา ยังมีความหอม มีกลิ่นเฉพาะตัว ตนจึงเห็นความเป็นไปได้ เราอิงหลักวิทยาศาสตร์ ใส่ปริมาณที่เหมาะสม ใช้วิธีสกัดจากใบ ปริมาณ THC CBD ต่ำมาก จะเน้นกลิ่นเป็นส่วนใหญ่

“ความจริงผสมแทบจะทุกอย่าง ตั้งแต่กาแฟ เมนูนม และโซดา เราใช้เป็นไซรัปต์ จะหอมๆ เหมือนน้ำใบเตย ตัวกัญชาจะมีกลิ่นเฉพาะ เป็นชาเลนจ์ ใครเริ่มก่อนก็ได้เปรียบ” น.ส.วทันยาชี้

เมื่อถามว่า เมนูขายที่ขายดีเป็นพิเศษคือะไร?

น.ส.วทันยาระบุว่า “กัญชาโซดา” ขายดีมากที่สุด หลายคนบอกว่าทานแล้วหลับสบาย แล้วแต่คน บางคนก็บอกว่าหอมเฉยๆ ลูกค้าประจำบอกว่าชอบ ทานแล้วหลับสบาย ตอนกลางวันก็ไม่ได้ตาลาย ซึ่งเรายังทำอยู่เรื่อยๆ อาจจะทำเป็นเมนู โกโก้กัญชา พัฒนาไปเรื่อยๆ

น.ส.วทันยาเปิดเผยถึงปัญหาที่ประสบเช่นกันคือ “การหาใบกัญชา” ซึ่งหายากมาก ปัจจุบันก็ยังหายากอยู่ ยังติดหลายเรื่อง การหาใบที่ปลอดเคมี เพราะเราเอามาสกัดออก เรื่องการให้ความรู้ผู้บริโภคว่าไม่ใช่การทานน้ำกัญชาจะเมาอย่างเดียว แต่มีประโยชน์มากว่าการเสพติด

วทันยา อมตานนท์ ผู้บริหารและเจ้าของแบรนด์เต่าบิน บริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัด

“กัญชาเข้ากับประเทศไทยมากๆ เนื่องจากเราเป็นประเทศท่องเที่ยว และกัญชาส่งเสริมเรื่องท่องเที่ยว เพิ่มงาน เพิ่มโอกาสลงทุนมากขึ้น มีอะไรที่จะเติบโตได้เยอะมาก ยังมีตลาดอีกใหญ่มากที่สามารถไปได้” น.ส.วทันยากล่าว

มองตลาดในอนาคตจากนี้อย่างไร เมื่อกัญชาเริ่มแพร่หลาย จะเพิ่มตู้เครื่องดื่มกัญชาล้วนหรือไม่?

น.ส.วทันยากล่าวว่า เมนูกัญชาเป็นเมนูสร้างสรรค์ เรื่องจำนวนตู้ มีตู้เท่าไหร่เราใส่เท่านั้น แต่บางตู้ก็ไม่ให้ใส่ เป็นเครื่องดื่มที่รสชาติดี และช่วยหลายด้าน อย่างเช่น การหลับสบาย มั่นใจว่าจะใส่ไปในทุกตู้ คนยังมีความคิดว่าเป็นสารมึนเมาอยู่ แต่กัญชา ไม่ได้ว่าเมาเสมอไป ดื่มทั้งแก้วก็ไม่เมา

“เราไม่ได้ใส่เพิ่มเข้าไป แค่สกัดจากใบด้วยความดันสูง ใส่น้ำเชื่อม แล้วนำไปตรวจว่ามีจำนวนสารเท่าไหร่ โดยรวมแล้ว อย่างไรก็ไม่เกิน (0.2%) บางทีในโซเชียลบอกว่า ดื่มแล้วไม่ได้รู้สึกอะไร ซึ่งเราต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติม” น.ส.วทันยากล่าว

ก่อนแนะนำผู้ประกอบการว่า ความน่าเป็นห่วงคือสุดท้ายออกมาเหมือนกันหมด กัญชานำไปผสมได้หลายอย่าง ตามความคิดสร้างสรรค์ พยายามหาจุดขายของเรา ปรับตัวร้านให้มีความคิดสร้างสรรค์ จุดขายของกัญชาคือเรื่องการได้ลอง ต้องหาอะไรที่สร้างสรรค์ ฉีกออกไป

น.ส.วทันยากล่าวถึงการปลกล็อกกัญชาว่าอย่างน้อยมีงานให้ทำเพิ่มขึ้น เราต้องการจับเทรนด์ เครื่องดื่มไหนที่นิยมก็จับตรงนั้นเป็นพิเศษ กัญชาน่าสนใจ คือเป็นเครื่องดื่มที่คลุมเครือ

วทันยา อมตานนท์ ผู้บริหารและเจ้าของแบรนด์เต่าบิน บริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัด

ขณะที่ นพ.สรรพสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ กล่าวว่า ตอนเริ่มทำเครื่องดื่มน้ำกัญชา อันดับแรก ต้องย้อนไปตอนที่ไทยเริ่มปลดล็อกกัญชาให้เป็นยารักษาโรค ยันฮีมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการรักษาด้วยกัญชา ถึงจุดนั้นเราศึกษาประเทศที่เปิดการใช้กัญเสรี อย่างสหรัฐอเมริกา แคนาดา แล้วทำเป็นยา เพื่อรักษาคนไข้ในคลินิกกัญชา หลังไทยเริ่มผ่อนปรนการใช้กัญชาในทางบริโภค เรานำส่วนที่ดีของกัญชามาใช้กับเครื่องดื่ม

“ผลตอบรับดี ผู้บริโภคมีการหาความรู้เกี่ยวกับกัญชามากขึ้น เขามีความคาดหวังเกี่ยวกับตัวสินค้าว่ากัญชามาจากพื้นถิ่น บริโภคยาก นักวิจัยเราปรับให้ดื่มง่าย มีประสิทธิผลมากขึ้น” นพ.สรรพสิทธิ์กล่าว

เมื่อถามถึงอุปสรรค นพ.สรรพสิทธิ์เผยว่า ตนมองเป็นความท้าทายมากกว่า เนื่องจากทุกคนต่างใหม่ในอุตสาหกรรมนี้ แต่ทางเมืองนอกมีประสบการณ์มาก่อน ก็ศึกษาจากประเทศที่เปิดเสรีมาใช้ สิ่งที่ท้าทายคือทำอย่างไรให้ผลิตภัณฑ์ของเราออกมามีประโยชน์ต่อผู้บริโภคได้มากที่สุด

เมื่อถามว่า ในเชิงธุรกิจยอดขายดีกว่าเครื่องดื่มที่ไม่ใส่กัญชาหรือไม่?

นพ.สรรพสิทธิ์เผยว่า ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าดีกว่าที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะเพิ่งเริ่มต้น แต่แนวโน้มดีขึ้น

นพ.สรรพสิทธิ์กล่าวต่อว่า กัญชาจะทำให้ภาคธุรกิจของเราเติบโตอย่างมาก เรามีภาคการเกษตรที่ส่งออกพืชสมุนไพร มูลค่าแสนล้านอยู่แล้ว ถ้ามีกัญชาเข้ามาเสริม อัตราการเติบโตที่ผู้ประกอบการที่จะเข้ามาอยู่ในตัวเลขเหล่านี้ จะเพิ่มขึ้น

“กัญชาไทยเคยดังไปทั่วโลก ปัจจุบันพอโอกาสเข้ามา ไทยจะสามารถเป็นแหล่งเพาะปลูกที่ใหญ่ติดอันดับของโลก และช่วยคนไทยได้อีกเยอะมาก” นพ.สรรพสิทธิ์ระบุ

นพ.สรรพสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์

เมื่อถามว่า ในแง่การตลาดของวิตามินวอเตอร์ อนาคตสดใสหรือไม่ อย่างไร?

นพ.สรรพสิทธิ์ระบุว่า ตอนนี้มีความครึกครื้นมากขึ้น หลังปลดล็อก ทางรัฐบาลและผู้ประกอบการ สนใจมากขึ้น โดยเฉพาะสาร CBD ที่แก้อักเสบ ปรับสมดุลในร่างกาย เมื่อใส่ในโปรดักต์ได้รับการตอบรับดีมาก พอลองแล้วเห็นผล รู้สึกผ่อนคลายขึ้น ตอนนี้กระแสตอบรับดีมาก

“ยังจะมีการต่อยอด และพัฒนาสินค้าให้หลากหลาย ตอบโจทย์ และปลอดภัยมากขึ้น กัญชามีประโยชน์มาก ถ้าใช้ในปริมาณที่ถูกต้องก็จะก่อเกิดประโยชน์ บริษัท ยันฮี มีการพัฒนาต่อยอดสารสำคัญ ทั้งน้ำ ยาแผนโบราณ ทำส่ง รพ.ก็มี มีมาสก์กัญชา ต่อยอดสินค้าคอสเมติกของเรา ซึ่งมาสก์กัญชาเคลือบด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ และมีสารสำคัญคือ CBD ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ” นพ.สรรพสิทธิ์เผย

ก่อนกล่าวถึงโอกาสการเติบโตว่า ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยว่ากฎหมายจะแน่นหนาแค่ไหน ซึ่งกว่าจะผ่านด่าน อย.ได้ต้องใช้ทุนขนาดไหน ขึ้นอยู่ที่จุดนี้ ซึ่งตนเห็นเป็นโอกาสมากกว่า และหวังว่าทุกคนจะมีสิทธิเล่นได้เท่าเทียมกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image