ศูนย์จีโนมฯ ชี้อย่าเหมารวมฝีดาษลิง ‘โรคของเกย์’ ไม่ดีต่อการคุมแพร่ระบาด

ศูนย์จีโนมฯ ชี้อย่าเหมารวมฝีดาษลิง ‘โรคของเกย์’ ไม่เป็นผลดีต่อการคุมแพร่ระบาด

วันที่ 29 กรกฎาคม ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล (รพ.) รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊กให้ความรู้เพิ่มเติมและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคฝีดาษวานร หรือ ฝีดาษลิง (Monkey pox) ว่าโรคฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่อที่แพร่กระจายผ่านผิวหนังสู่ผิวหนัง จากสารคัดหลั่ง ของเหลว และวัสดุที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น

ทั้งนี้ ไวรัสฝีดาษลิงนอกทวีปแอฟริกาขณะนี้มีการแพร่ระบาดคล้ายโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (sexually transmitted diseases: STD) แต่ไม่ใช่โรค STD เพราะพบการติดต่อในเด็กเล็กและสตรีด้วย นอกจากนี้ โรคฝีดาษลิงไม่ใช่โรคของเกย์ (gay) หรือชายรักชาย (Men who have sex with men: MSM) เพราะในแอฟริกานั้น โรคฝีดาษลิงเป็นโรคประจำถิ่น ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นสตรีและเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี มีเกิดจากการสัมผัสกับสัตว์ ถูกสัตว์กัด ข่วน รับประทานเนื้อสัตว์ป่าปรุงไม่สุก

การเหมารวมว่าโรคฝีดาษลิงเป็นโรคของชายรักชาย อาจทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “บาดแผลทางสังคม” หรือ social stigma ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการควบคุมโรค และเป็นผลลบกับกลุ่มชายรักชาย หรือแอลจีบีทีคิว พลัส (LGBTQ+) โดยรวม ดังตัวอย่างที่เห็นชัดเจน จากกรณีของโรคโควิด-19 คือ การกล่าวว่าชาวจีนเป็นผู้แพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้เกิดการเกลียดชังและทำร้ายคนเอเชียในสหรัฐอเมริกาและยุโรป เป็นต้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image