ชัชชาติ จ่อฟื้นชุมชนบ้านบาตร ขจัดปัญหาหาบเร่ ยกระดับเขตป้อมปราบฯ ‘ศูนย์กลางค้าเอสเอ็มอี’

ชัชชาติจ่อฟื้นอัตลักษณ์ ชูชุมชนบ้านบาตร ขจัดปัญหาหาบเร่ ตั้งคณะทำงานยกระดับ ‘เขตป้อมปราบฯ’ ศูนย์กลางการค้าเอสเอ็มอี

เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 24 กันยายน ที่สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) พร้อมด้วย นายสัมฤทธิ์ สุมาลี ผู้อำนวยการเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมผู้ว่าฯสัญจร เพื่อประชุมรับฟังปัญหาและติดตามการดำเนินการด้านต่างๆ ของสำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย

นายชัชชาติเปิดเผยภายหลังการประชุมว่า เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ถือเป็นเขตเล็กๆ น่ารัก พื้นที่ 1.9 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 30,000 กว่าคน เป็นเขตที่เล็กอันดับ 2 ใหญ่กว่าเขตสัมพันธวงศ์เล็กน้อย ซึ่งเป็นเขตที่สำคัญที่น่าสนใจ เพราะเป็นเขตที่มีการค้าขายหลายแหล่ง มีตั้งแต่ย่านโบ๊เบ๊ เป็นย่านที่ขายเสื้อผ้าเก่า ย่านคลองถม ย่านเจริญกรุง ตลอดแนวเชื่อมโยงกับถนนเยาวราช ถนนเสือป่า ถือเป็นย่านเศรษฐกิจ แต่ก่อนเป็นชายขอบของกรุงรัตนโกสินทร์ ด้านนอกอยู่ติดริมคลองผดุงกรุงเกษม

นายชัชชาติชี้ว่า ปัญหาหลักของเขตนี้คือ หาบเร่แผงลอย ที่มีการตั้งอยู่บนทางเท้า ซึ่งตรงนี้มีจุดผ่อนผันแค่สองจุดคือ บนถนนเจริญกรุง ตรงแยกวรจักร และมูลนิธิกว๋องสิว ซึ่งมีผู้ค้าอยู่แค่ 40 ราย และยังมีตรงบริเวณโบ๊เบ๊ ซึ่งไม่ใช่จุดผ่อนผันแต่เป็นจุดที่อะลุ่มอล่วย มีการขายสามรอบคือ รอบเช้ามืด รอบเช้า และรอบเย็น มีผู้ค้าประมาณ 800 ราย โดยเมื่อเช้าได้ไปสำรวจพบว่ามีความเกะกะรกรุงรัง แต่เรื่องนี้เป็นปัญหาที่สืบเนื่องมานาน ซึ่งจริงๆ แล้วการยกเลิกจุดผ่อนผันตรงโบ๊เบ๊มีมาตั้งแต่ปี 2549 และมีปัญหาที่พยายามจัดการดูแลมาตลอด

นายชัชชาติกล่าวว่า จะมีการเร่งตั้งคณะทำงานที่จะเน้นพื้นที่ของป้อมปราบศัตรูพ่ายโดยเฉพาะ เพราะเป็นจุดที่มีความเชื่อมโยงหลายส่วน จริงๆ แล้วหากมองมุมบวก ถ้าเราสามารถปรับเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายให้เป็นศูนย์กลางการค้าขายของเอสเอ็มอี เช่น บ้านหม้อ คลองถม ต่อเนื่องมาถึงถนนเจริญกรุง ต่อเนื่องมาโบเบ๊ ทำให้เป็นศูนย์กลางการค้าขายและปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น ก็น่าจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับเศรษฐกิจของเมืองด้วย

Advertisement

“อาจจะไม่ได้มองแค่การจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย แต่ให้มองทั้งเขตมีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งเมื่อก่อนคลองถมเองก็มีตลาด ซึ่งคนจะมาจากหลายจังหวัด มาค้าขายเครื่องมือ เครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ปัจจุบันยกเลิกไปแล้ว ถ้าอนาคตเราสามารถดูแผนผังทั้งระบบ และก่อให้เกิดการเชื่อมโยงการค้าขายกับเยาวราช หรือสำเพ็ง ก่อให้เกิดถนนคนเดิน มีการค้าขายย่านกลางคืนเชื่อมโยงไปถึงโบ๊เบ๊ พัฒนาคุณภาพให้เป็นตลาดที่มีคุณภาพ อาจจะเป็นแหล่งค้าขายในอนาคตได้” นายชัชชาติกล่าว

นายชัชชาติกล่าวอีกว่า คงไม่ได้มองแค่ว่าการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย หรือการค้าขายในแต่ละวัน แต่ต้องมองในเชิงยุทธศาสตร์ อาจจะเชื่อมโยงไปหลายที่ เช่น เวทีมวยราชดำเนิน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยจะมีคณะทำงานในหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเทศกิจ ศิลปวัฒนธรรม ในแง่ของการค้าขายที่ต้องดูภาพรวมของเขต อาจต้องใช้เวลาเพราะปัญหาที่โบ๊เบ๊เป็นปัญหาที่สะสมมานาน

Advertisement

อีกปัญหาที่เจอในพื้นที่คือ น้ำท่วมขังตามจุดต่างๆ ซึ่งเมื่อเช้าเห็นหลายจุด และได้แจ้ง ผอ.เขตไปแล้วให้รีบดำเนินการ เพราะเป็นพื้นที่เล็ก ถ้ามีปัญหาก็จะมีผลต่อการเดินทาง ส่วนชุมชนต่างๆ มีสภาพที่ทรุดโทรมลง ส่วนใหญ่เป็นจุดที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย เช่น มีชุมชนบ้านบาตร ซึ่งเป็นชุมชนที่ทำบาตรมาอย่างต่อเนื่อง มีชุมชนที่ทำละคร ทำศิลปะ คงต้องพยายามฟื้นอัตลักษณ์ของชุมชนเหล่านี้กลับคืนมา

“ยกตัวอย่างเช่น ชุมชนบ้านบาตร จากข้อมูลที่มีปัจจุบันการทำบาตรน้อยลง กลายเป็นว่าคนที่เข้ามาอยู่ใหม่ไม่อยากให้มีการทำบาตรเพราะหนวกหู เสียงตีบาตร ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ถ้าเราดำรงไว้และพัฒนาอัตลักษณ์ของตนเองได้ก็น่าจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์” นายชัชชาติกล่าว

อ่านข่าว : ชัชชาติ บุกชุมชนบ้านบาตร-ชุมชนซอยโลงผี มอบข้าวกล่อง-สอบถามความเดือดร้อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image