ชัชชาติ สัญจรเขตบางรัก เผยเก็บภาษีโรงเรือนได้น้อยลง ห่วงสีลมไฟไหม้ กำชับซ้อมดับเพลิง
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ห้องประชุม ชั้น 4 สำนักงานเขตบางรัก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. เป็นประธานการประชุมในกิจกรรม “ผู้ว่าฯกทม. สัญจรเขตบางรัก” เพื่อรับฟังภาพรวมการบริหารจัดการ ปัญหา อุปสรรคในการปฏิบัติงานของสำนักงานเขต รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามนโยบายผู้ว่าฯกทม. และรายงานผลการดำเนินงานตามแอพพลิเคชั่นทราฟฟี่ฟองดูว์ โดยมีนายต่อศักดิ์ โชติมงคลประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯกทม. ผู้บริหาร กทม. นายวิพุธ ศรีวะอุไร สก.เขตบางรัก น.ส.อัญชนา บุญสุยา ผอ.เขตบางรัก ผู้บริหารเขต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งของ กทม. และสถานีตำรวจนครบาลท้องที่ ประกอบด้วย สถานีตำรวจนครบาลบางรัก สถานีตำรวจนครบาลยานนาวา ร่วมประชุม ติดตามลงพื้นที่ให้ข้อมูลและรับฟังปัญหาเพื่อนำไปดำเนินการแก้ไขในส่วนภารกิจที่หน่วยงานรับผิดชอบ
เมื่อเวลา 12.18 น. นายชัชชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า เขตบางรักเป็นเขตเศรษฐกิจ ปัญหาหลัก ๆ เร่งด่วนเรื่องรายได้น่าสนใจ จากการที่เปลี่ยนการเก็บภาษีโรงเรือนแต่ก่อนเราเก็บ 12.5 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ ก่อนที่จะมีโควิดเก็บประมาณ 950 ล้านบาท พอเปลี่ยนมาเป็นภาษาที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งปีนี้เราเก็บเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งลดจาก 950 ล้านบาท เหลือ 730 ล้านบาท เพราะเปลี่ยนรูปแบบการเก็บจากรายได้เป็นราคาประเมินของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เมื่อเปลี่ยนรูปแบบการเก็บรายได้ก็ลดลงเช่นกัน ซึ่งเขตบางรักมีการประเมินที่ค่อนข้างละเอียดเพราะพื้นที่ไม่ใหญ่ ส่วนนี้จึงต้องเร่งประสิทธิภาพในการเก็บ รวมทั้งอาจจะต้องหาส่วนอื่นเข้ามาประกอบ เช่น ภาษีป้าย หรือที่ดินอื่น ๆ การเปลี่ยนรูปแบบการเก็บก็เป็นนโยบายของรัฐบาลใหญ่ ส่วนนี้เองต้องดูและเร่งรัดเรื่องรายได้เพิ่มเติม
นายชัชชาติกล่าวว่า ในส่วนของหาบเร่แผงลอย เขตบางรักเป็นเขตที่มีคนทำงานเยอะ ตามถนนต่างๆ มีปัญหาหาบเร่แผงลอยบางจุด เราได้มีการผลักดันและได้ให้นโยบายกับ ผอ.เขต ว่าเรื่องนี้ต้องจริงจัง เพราะทางเท้าทำใหม่ก็จะเริ่มมีหาบเร่แผงลอยกลับมา
“สิ่งแรกคือห้ามเพิ่มจำนวนหาบเร่แผงลอย และห้ามกีดขวางการเดินเท้า และช่วยให้พื้นที่ทดแทนให้ ซึ่ง กทม.มีโครงการจะทำศูนย์อาหาร (Hawker Center) บริเวณสวนลุมพินีประตู 5 ถ้าเป็นไปได้อาจจะเอาหาบเร่แผงลอยมาที่นี้ส่วนหนึ่ง หรือการเจรจากับพื้นที่ของเอกชน และการพูดคุยกับผู้ประกอบการที่สีลมเรื่องความต้องการแรงงาน ถ้าต้องการก็ให้ติดต่อกลับมา ซึ่งบางที่ขาดคน เช่น แม่บ้าน รปภ. หรือตกงานแล้วไม่ได้กลับมาในช่วงหลังโควิด ถ้าสามารถทำความต้องการได้จะช่วยให้เขาหลุดจากการเป็นหาบเร่ริมถนนมีงานที่มีความมั่นคงขึ้น ฉะนั้นหาบเร่แผงลอยไม่ใช่แค่การไล่อย่างเดียวเพราะจะมีผลกระทบทางสังคมเพิ่มขึ้นตามมา เน้นว่าต้องไม่เพิ่มจำนวนขึ้นก่อนและให้ประชาชนเดินสะดวก ต่อมาคือจัดพื้นที่สำหรับการค้าขายให้” นายชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติกล่าวว่า ส่วนชุมชนในสีลมปัญหาหลักคือเพลิงไหม้ เป็นชุมชนที่แออัด ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ ผอ.เขต ฝึกซ้อมดับเพลิงกับหน่วยดับเพลิงและอาสาสมัครกู้ภัยให้ลองซ้อม เวลาเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้รับมือกับสถานการณ์นี้ได้
“เมื่อวานเกิดเหตุที่นราธิวาสซอย 6 (เขตสาทร) ผู้หญิงอายุ 22 ปี เสียชีวิต อาจจะต้องมีการซ้อมเวลาเกิดเหตุจะได้รู้ว่าใครต้องดูและใคร จะต้องไปรวมกันที่จุดไหน ถ้าไม่มีจุดรวมพล ไม่มีการมอบหมายว่าใครดูแลใครก็จะเกิดความวุ่นวาย เมื่อสักครู่ได้คุยกับทางดับเพลิง แจ้งว่าบางครั้งฝึกแล้วไม่ได้รับความร่วมมือจากชุมชนอันนี้ต้องขอความร่วมมือจากชุมชนด้วยเพราะเป็นเรื่องสำคัญที่จะไม่นำไปสู่การสูญเสีย” นายชัชชาติกล่าว
ขณะเดียวกันนายชัชชาติกล่าวถึงเรื่องการศึกษาในเขตบางรักว่าน่าสนใจ กล่าวคือ เขตบางรักมีโรงเรียน 5 โรงเรียน ทั้ง 5 โรงเรียนเข้าโครงการ ‘นวัตกรรมใหม่’ กทม. นำโรงเรียนเข้าโครงการ Sandbox หรือเขตนวัตกรรมทางการศึกษา ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยเข้าเลย โดยนายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. นำเข้า ทำให้รับสามารถปรับเรื่องการศึกษาให้ดีขึ้น และได้มอบนโยบายทางการศึกษาให้ ผอ.เขต คืออาหารกลางวันเด็กที่ต้องเน้นคุณภาพ ความโปร่งใส ห้ามมีเก็บหัวคิวหรือคุณภาพไม่ดี และให้ดูเรื่องของคุณภาพอาหารที่ให้มีผักสด หรือสลัดมากยิ่งขึ้น ให้เด็กมีทางเลือกในการกินอาหารที่มีคุณภาพมากขึ้น และอย่ากินขนมมาก ได้ให้ ผอ.เขต ไปลองคิดดูว่าจะทำรูปแบบอย่างไร ในส่งนของเรื่อง Food Bank ที่เขตบางรักทำเป็นเรื่องน่าสนใจ ที่สามารถนำอาหารใกล้หมดอายุ หรือทานไม่หมดมาไว้ที่ Food Bank แล้วให้คนอื่นไปบริโภคต่อได้ หรือการบริจาคสำหรับคนที่เดือดร้อนได้ ซึ่งทางเขตก็ได้เริ่มทำ ตนได้แจ้งนายศานนท์ รองผู้ว่าฯ ให้นำไปสู่โครงการสเกลใหญ่ ซึ่งเป็นโครงการที่ดีลดการศูนย์เสียอาหารและช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน และให้ร้านอาหารที่เข้าร่วมติดสติ๊กเกอร์โครงการเพื่อเป็นรางวัลใจ ผู้บริโภคเองก็มั่นใจได้ว่าอาหารที่บริโภคจะไม่ไปสู้อาหารเหลือทิ้ง ซึ่งตรงนี้ไม่ได้ใช้งบประมาณอะไร แต่จะช่วยผลักดันเพื่อให้เกิดการลดขยะ
“ในส่วนของทางเดินเท้าให้เขตกำหนดเส้นทาง เพราะมีนโยบายเมืองเดินได้ ซึ่งเขตมีงบประมาณที่เราจัดสรรให้ได้ในการซ่อมถนนทางเท้า ให้ลิสต์ทางเท้าต้องจัดลำดับในการปรับปรุงคุณภาพ และใช้งบตัวเองทำให้ได้ก่อน ถ้าไม่พอให้ขอมาที่ส่วนกลาง ซึ่งเมืองเดินได้เป็นเรื่องสำคัญของเส้นเลือดฝอยลงสู่ชุมชน ในพื้นที่สีลมทำได้ค่อยข้างดีแล้ว ส่วนจุดอื่นที่มีคนเดินเยอะให้เขตเริ่มสำรวจและทำแผนปรับปรุงเลย ได้ให้ นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม. ติดตามเรื่อง ทุกเขตจะทำแบบนี้หมด” นายชัชชาติกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ในส่วนของการประชุมเอเปคที่ถนนสีลมจะมีหาบเร่แผงลอยหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า มีการประกาศตั้งแต่ต้นเดือนว่าจะให้อยู่ในความเป็นระเบียบเรียบร้อย
“หาบเร่มีมานานแล้วเราพยายามดูให้เป็นระเบียบ ซึ่งเราพยายามดันไปสู่พื้นที่ด้านใน แต่หากจะให้หมดไปก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน เราก็ไม่ได้ใช้ไม้แข็ง นโยบายเราก็ห้ามเพิ่มเช่นกัน ที่ผ่านมาได้พยายามกดดันตลอด ทั้งนี้การขจัดให้หมดก็ต้องมีทางออกสำหรับคนที่ทำมานานด้วยเช่นกัน ซึ่งเดดไลน์หลัก ๆ คือต้นปีหน้าที่จะเคลียร์หาทางออกให้หมด ในตอนนี้จึงห้ามเพิ่มและห้ามขวางการเดินเท้า” นายชัชชาติแจง
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ในส่วนของช่วงเอเปคมีการขอความร่วมมือกับผู้ค้าหาบเร่แผงลอยอย่างไร นายชัชชาติตอบว่า ไม่เน้นผักชีโรยหน้า
“เราไม่ได้เน้นเรื่องผักชีโรยหน้า เราทำเพื่อคนไทย เราไม่ได้ทำเพื่อให้ต่างชาติที่มาวันนั้นรู้สึกว่าเมืองไทยสะอาด การทำคืออยากให้คนไทยได้ใช้เดินสะดวก ส่วนเรื่องความสะอาดผู้นำที่มาส่วนตัวคิดว่าผ่านมาหลายเมืองแล้ว และมาเมืองไทยช่วงไม่มีประชุมก็ต้องเห็นสภาพเหมือนกัน ในแง่หนึ่งก็ให้ดูสะอาดขึ้น แต่หัวใจหลักคือทำเพื่อคน กทม. ส่วนตัวคือว่าไม่ได้สำคัญขนาดที่จะต้องเคลียร์หาบเร่แฝงลอยให้ผู้นำต่างประเทศมาแล้วรู้สึกสะอาด” นายชัชชาติกล่าว