สปสช. มอบของขวัญปีใหม่ 2566 สนับสนุนนโยบายกระทรวงสาธารณสุข “ปีแห่งสุขภาพสูงวัยไทย” จัดสิทธิประโยชน์เพื่อผู้สูงอายุ มอบ “แว่นสายตา ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ และฟันเทียม/รากฟันเทียม” พร้อมมอบของขวัญบัตรทองทุกกลุ่มวัย ขยายระบบจองคิวผ่านแอพพ์ “เป๋าตัง” ทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 3 มกราคม นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ มีประชากรผู้สูงอายุเพิ่มใหม่ปีละ 1 ล้านคน จึงเป็นกลุ่มที่ต้องให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพ โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประกาศให้ปี 2566 เป็น “ปีแห่งสุขภาพสูงวัยไทย” เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างเป็นระบบและทั่วถึง พร้อมมอบบริการและวัสดุอุปกรณ์เพื่อการดูแลสุขภาพแก่ผู้สูงอายุ เป็นของขวัญปีใหม่ตลอดปี 2566 ในส่วนของ สปสช.จึงขอมอบ “สิทธิประโยชน์การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ” ภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรอง 30 บาท เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่มอบให้กับคนไทย เริ่มจากมอบวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ 3 รายการ ได้แก่ 1.แว่นสายตาทั้งค่าสายตาสั้นและยาว 5 แสนราย โดยให้แต่ละพื้นที่จัดทำโครงการขอรับงบประมาณจากกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่น (กปท.) งบประมาณดำเนินการ 60 ล้านบาท
นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า 2.ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ สำหรับผู้สูงอายุ 2 กลุ่ม คือ ผู้ที่มีคะแนนความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจำวัน(ADL) ระหว่าง 0–6 คะแนน และผู้ที่มีภาวะกลั้นปัสสาวะอุจจาระไม่ได้ โดยให้แต่ละพื้นที่จัดทำแผนการดูแลสุขภาพรายบุคคล(care plan) เพื่อขอรับงบประมาณจากกองทุนสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงและบุคคลที่มีภาวะพึ่งพิง (Long term care) กองทุน กปท. และกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัด ปี 2566 กำหนดเป้าหมาย 5 ล้านชิ้น ดูแล 50,000 ราย งบประมาณ 500 ล้านบาท และ 3.ฟันเทียม และรากฟันเทียม จำนวน 78,000 ชิ้น และรากฟันเทียม สำหรับผู้ที่มีปัญหาใส่ฟันเทียมแล้วหลวม 7,200 ชิ้น โดยเบิกจ่ายงบประมาณ จากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยจ่ายชดเชยให้หน่วยบริการที่ให้บริการ
นพ.จเด็จ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุ ทั้งการรักษาแบบ ผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยใน ครอบคลุมการรักษาพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นโรคค่าใช้จ่ายสูง อย่างเช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ผ่าตัดข้อเข่าเสื่อม และผ่าตัดตาต้อกระจก เป็นต้น และโรคเรื้อรังที่ต้องรักษาต่อเนื่อง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น รวมไปถึง สิทธิประโยชน์สำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง เพื่อการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขในชุมชน รวมถึงบริการฉีดวัคซีนป้องกันคอตีบและบาดทะยักทุก 10 ปี การประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน การตรวจวัดดัชนีมวลกายและความดันโลหิต การตรวจเลือดเพื่อคัดกรองโรคเบาหวาน การคัดกรองปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง การคัดกรองโรคซึมเศร้า การคัดกรองมะเร็งลำไส้ และการเคลือบฟลูออไรด์
นพ.จเด็จ กล่าวว่า เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้ารับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคภายใต้สิทธิประโยชน์กองทุนบัตรทอง ผ่านการจองคิวรับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคผ่านแอพพลิเคชัน “เป๋าตัง” จากเดิมให้บริการเฉพาะในกรุงเทพมหานคร (กทม.) เท่านั้น แต่ในปี 2566 นี้ สปสช.จะขยายบริการจองคิวผ่านเป๋าตังไปทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการในบางพื้นที่และบางหน่วยบริการแล้ว ซึ่งประชาชนทั่วประเทศสามารถจองคิวล่วงหน้าเพื่อใช้สิทธิบริการได้ อย่างไรก็ตามสำหรับหน่วยบริการที่ยังไม่มีระบบการจองคิวนั้น จะปรากฏเป็นหมายโทรศัพท์ของหน่วยบริการนั้น ซึ่งท่านสามารถโทรนัดรับบริการได้เช่นกัน ขณะนี้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในระบบ สปสช. ใช้ได้เฉพาะผู้มีสิทธิบัตรทอง 30 บาทเท่านั้น สำหรับสิทธิอื่นๆ เช่น ประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ รอประกาศอีกครั้ง
สำหรับการจองคิวใช้สิทธิสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคผ่าน เป๋าตัง
1.เข้าสู่แอพพลิเคชั่น เป๋าตัง
2.กดเลือก “กระเป๋าตังสุขภาพ”
3.กดเลือก “หน้าหลัก” ขั้นตอนนี้ให้ท่านลงทะเบียน หลังจากนั้นจะปรากฏชื่อ นามสกุล และสิทธิการรักษาพยาบาลของท่าน
4.กดเลือก “สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)”
5.กดเลือกรายการสิทธิประโยชน์ที่ต้องการรับบริการ
6.กดเลือกหน่วยบริการ และดำเนินการจองสิทธิ/จองคิวรับบริการ สำหรับหน่วยบริการที่ยังไม่มีระบบการจองคิวนั้น จะปรากฏเป็นหมายโทรศัพท์ของหน่วยบริการนั้น ซึ่งท่านสามารถโทรนัดหมายเพื่อไปรับบริการได้เช่นกัน