ชัชชาติ ยันไม่ได้มีปัญหา ‘รองฯทวิดา’ ยังรักกันดี มั่นใจฝีมือทีมงาน ขอ ‘อย่าไปดราม่าเลย’

‘ชัชชาติ’ ยืนยันรักกันดี ไม่ได้มีปัญหากัน ยังให้ ‘ทวิดา’ เป็นรองผู้ว่าฯ กทม. มั่นใจในฝีมือทีมงาน ขอ ‘อย่าไปดราม่าเลย’

เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่สำนักงานเขตลาดพร้าว นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวการปลด น.ส.ทวิดา กมลเวชช ออกจากตำแหน่ง รองผู้ว่าฯ กทม. กรณีสั่งให้สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) ทบทวนความคุ้มค่าในการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมด้านการบรรเทาสาธารณภัยของ กทม. ที่จังหวัดนครปฐม

นายชัชชาติกล่าวว่า ตนเองกับ น.ส.ทวิดาไม่ได้มีปัญหากัน รักกันเหมือนเดิม ยังทำงานด้วยกันดีสำหรับโครงการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมด้านการบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งมีการประมูลก่อนที่จะมารับตำแหน่ง โดยมีแผนที่จะไปตั้งที่ริมแม่น้ำใน อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เป็นแผนระยะยาว มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท

“แต่เมื่อเข้ามาทบทวนโครงการแล้วพบว่า ศูนย์ฝึกอบรมด้านการบรรเทาสาธารณภัยอยู่นอกกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ในเขตผังเมืองพื้นที่สีเขียวและสีเหลือง ไม่ใช่ผังเมืองสีน้ำเงินที่เป็นที่ดินประเภทส่วนราชการ จากการตรวจสอบของสำนักการโยธาพบว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะไม่ตรงกับสีผังเมือง อาจจะมีผลในการดำเนินการต่อไป รวมถึงต้องขออนุญาตสภา กทม.ก่อน เพราะเป็นการสร้างน้องพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้มีการขออนุญาตอย่างเป็นทางการ” นายชัชชาติเผย

Advertisement

นายชัชชาติกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม มีพื้นที่ของ กทม.สำหรับฝึกอบรมขนาดใหญ่อยู่ที่เขตหนองจอก ซึ่งเป็นพื้นที่สีน้ำเงิน เป็นศูนย์ฝึกอบรมข้าราชการ ซึ่งหากตั้งศูนย์ฝึกอบรมด้านการบรรเทาสาธารณภัยที่เขตหนองจอกได้ก็จะถูกต้องตามกฏหมาย สามารถใช้ห้องประชุม ห้องสัมมนา ห้องพัก ที่จอดรถ และโรงอาหารร่วมกันได้ กลายเป็นศูนย์ฝึกอบรมขนาดใหญ่ หรือกรณีพนักงานดับเพลิงมาอบรมแล้วเกิดเหตุฉุกเฉินก็สามารถเผชิญเหตุในกรุงเทพฯ ได้ทันท่วงที

นอกจากนี้ ที่ดินดังกล่าวจะมีโครงการสร้างโรงเรียนกีฬา กทม. และศูนย์อบรมการแพทย์ฉุกเฉินด้วย ก็สามารถบูรณาการกันได้ สามารถสร้างงานสร้างอาชีพสร้างเศรษฐกิจที่เขตหนองจอก

Advertisement

“มีประเด็นกฎหมายทำให้ต้องพูดคุยกันนาน ต้องทำให้รอบคอบ ยืนยันว่าไม่ได้มีเรื่องไม่พอใจในการทำงานกับ รองฯ แก้ว (น.ส.ทวิดา) เพียงแต่บางทีตนเองอาจจะเป็นคนใจร้อน พูดว่าเมื่อไรจะเสร็จ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าปัญหาอยู่ที่รองฯ แก้ว แต่ปัญหาอยู่ที่การประสานงาน” นายชัชชาติกล่าว

นายชัชชาติกล่าวอีกว่า สำหรับทีมรองผู้ว่าฯ กทม. เป็นทีมงานที่ทำได้ดี เพราะเลือกมาเองไว้ใจได้ เรามาแบบอิสระ อย่างนายจักกพันธุ์ ผิวงาม ที่ประสานงานได้ดี รู้เรื่องกฏหมาย นายวิศณุ ทรัพย์สมพล ลุยเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน นายศานนท์ หวังสร้างบุญ ดูเรื่องชุมชน ศิลปะ และวัฒนธรรม ส่วน น.ส.ทวิดา ดูเรื่องยุทธศาสตร์ บรรเทาสาธารณภัย และการแพทย์ เป็นทีมที่ทำได้ดีไม่มีปัญหา

“ในเรื่องเนื้องาน ถ้าไม่มีการพูดโต้เถียงกันเลย เป็นไปไม่ได้ งานจะสมูทเกินไป จะต้องมีการช่วยกันคิด อย่าไปดราม่าเลย ผมอ่านข่าวยังตกใจ ไปได้ยังไงกัน หรือคนไม่ค่อยชอบข่าวดี ชอบข่าวร้ายกัน” นายชัชชาติกล่าว

ด้าน น.ส.ทวิดากล่าวว่า นายชัชชาติพูดตลอดว่าให้ฟังคนทำงาน แต่การดำเนินการบางอย่างต้องมีหลักการ ไม่เช่นนั้นเมื่อเราทำผิด ทั้งผิดกระบวนการ ไม่ได้มาตรฐาน การใช้หลักการก็ช่วยประกันให้กับเจ้าหน้าที่มีความปลอดภัย เพราะไม่อยากให้ทำผิดกฎระเบียบ ซึ่งอาจจะมีความล่าช้าบ้าง

โดยศูนย์ฝึกอบรมฯ จะมีการขอโครงการในงบประมาณปี 2568 ซึ่งถ้ารีบใส่ไปในงบประมาณปี 2567 จะเป็นการเร่งรีบการก่อสร้าง จะทำให้ไม่ได้มาตรฐาน

“เวลาสนทนาเป็นเรื่องปกติ ทางผู้ว่าฯ กทม.ก็ถามว่า เอ้ยแก้วทำไมช้า มันแค่นี้เอง ก็อธิบายให้ท่านเข้าใจว่าทำไม ก็จบค่ะ” น.ส.ทวิดากล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image