ชัชชาติ ถอนร่างข้อบัญญัติคชจ.อาสาสมัครอภิบาลฯ หลัง ส.ก.ท้วงหนัก

ชัชชาติ ขอกลับไปแก้ใหม่ ‘ถอนร่างข้อบัญญัติ’ หลัง ส.ก.ท้วงติงหนัก ไม่มีร่างประกาศ-ข้อบังคับ แนบประกอบ

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภากรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยฝ่ายบริหารและสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เข้าร่วมการประชุมสภากรุงเทพมหานคร โดยนายชัชชาติ ได้เสนอร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาสาสมัครบริบาลกรุงเทพมหานคร พ.ศ. …

นายชัชชาติกล่าวว่า กทม.ได้ดำเนินการจัดทำร่างข้อบัญญัติฯ เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรื่อง กำหนดกิจการที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นให้เป็นอำนาจและหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้านการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561 ที่กำหนดให้ กทม.มีอำนาจและหน้าที่ในการจัดให้มีบุคลากรและค่าใช้จ่ายของบุคลากรเพื่อทำหน้าที่ในการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ ซึ่งค่าใช้จ่ายในเรื่องนี้ต้องตราเป็นข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครโดยได้รับความเห็นชอบจากสภา กทม.

ทั้งนี้ สำนักอนามัยได้จัดทำร่างข้อบัญญัติฯ เพื่อรองรับการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายนักบริบาลชุมชน ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและเป็นตำแหน่งที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพัฒนากฎหมายของกลุ่มภารกิจด้านสาธารณสุข ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแล้ว

ADVERTISMENT

ด้านนายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง กล่าวว่า ค่าตอบแทนเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบ และต้องเปรียบเทียบกับค่าตอบแทนของอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) ไม่เคยเห็นการออกข้อบัญญัตติที่ออกมาหลวมๆ ทางผู้บริหาร กทม.ต้องกำหนดค่าตอบแทนให้ชัดเจนกว่านี้ เห็นควรว่าให้ผู้บริหาร กทม.กลับไปพิจารณาร่างข้อบัญญัติใหม่

ด้านนางกนกนุช กลิ่นสังข์ ส.ก.เขตดอนเมือง กล่าวว่า ในหลายพื้นที่หลายครอบครัวมีปัญหาผู้ป่วยในครอบครัวที่ไม่มีผู้ดูแล ทำให้ลูกหลานต้องลาออกจากงานมาดูแล ทำให้ขาดรายได้ ในกรณีคนในครอบครัวดูแลผู้สูงอายุอยู่แล้ว หากเข้ารับการอบรมจะมีคุณสมบัติได้รับค่าตอบแทนหรือไม่ และทำไมถึงไม่ให้เจ้าหน้าที่ กทม.ปฏิบัติงานตรงนี้

ADVERTISMENT

ขณะที่ นายนภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย กล่าวว่า การตรวจสุขภาพจิตใจผู้ที่จะดูแลผู้สูงอายุเป็นเรื่องที่จำเป็น ควรกำหนดลงในข้อบัญญัติ แต่ยังสงสัยในกลุ่มของผู้ที่จบการศึกษาพยาบาลมาต้องเข้ารับการอบรมด้วยหรือไม่ รวมถึงลดจำนวนชั่วโมงการอบรมสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ได้ด้วยหรือไม่

นายพีรพล กนกวลัย ส.ก.เขตพญาไท กล่าวว่า ไม่ควรใช้คำว่าค่าใช้จ่ายในอาสาสมัคร ควรใช้คำว่าค่าตอบแทน ส่วนการยื่นร่างข้อบัญญัติควรจะยื่นตัวร่างระเบียบ หรือร่างข้อบังคับ เข้ามาประกอบการพิจารณาด้วย

นอกจากนี้ยังมี นายวิรัช คงคาเขตร ส.ก.เขตบางกอกใหญ่ และนางอนงค์ เพชรทัต ส.ก.เขตดินแดงร่วมอภิปรายด้วย

ด้าน น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า อาสาสมัครบริบาลต่างจาก อสส. เนื่องจากอาสาสมัครบริบาลจะทำหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ทั้งนี้ อสส.มีการอบรม 70 ชม. และสามารถไปเป็นอาสาสมัครบริบาลได้ ด้วยการอบรม 120 ชม. และหากได้รับการอบรมถึง 420 ชม. ซึ่งถือว่ามีความเป็นมืออาชีพ สามารถปฏิบัติงานได้ตั้งแต่ วันจันทร์-ศุกร์ อัตราค่าตอบแทนจะได้รับ 5 วัน แต่หากเป็น อสส.ด้วย จะทำหน้าที่ อสส.ได้เฉพาะเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ทั้งนี้ จะมีการกำหนดคุณสมบัติเบื้องต้นของแต่ละกลุ่มที่เข้ารับการอบรม รวมถึงกลุ่มเป้าหมายที่จะต้องดูแล และค่าตอบแทนที่จะได้รับด้วย

น.ส.ทวิดากล่าวอีกว่า มีการคัดคน ตรวจสภาพจิตใจ ตามคุณสมบัติด้วยกระบวนการตามที่กำหนด ซึ่งเป็นไปตามหลักสูตรที่กำหนดผู้เรียนในเป้าหมายที่แตกต่างกัน มีการจัดอบรมหลักสูตร 70 ชั่วโมง จำนวน 60 คน ที่มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช และสำนักอนามัย ปัจจุบันมีผู้ที่อบรม Care Giver แล้ว 5,312 คน รอขึ้นทะเบียน 2,600 คน ปฏิบัติงาน 1,530 คน

“ในการเทียบเคียงชั่วโมงเรียน เป็น Care Giver จะต่างจากระดับของพยาบาล ซึ่งอยู่ระดับ Care Manager ทั้งนี้ คนที่อาศัยในพื้นที่ปริมณฑลสามารถมาปฏิบัติงานใน กทม.ได้ ส่วนคนที่ดูแลผู้ป่วยในครอบครัวแล้ว ก็ยังสามารถดูแลคนที่อยู่ใกล้เคียงได้ด้วย แต่อัตราการดูแลอยู่ที่ 1 ต่อ 10 คน” น.ส.ทวิดากล่าว

น.ส.ทวิดากล่าวว่า สำหรับคำว่า “ค่าใช้จ่าย” นำมาจาก พ.ร.บ.กระจายอำนาจ และทางสำนักกฎหมายเห็นว่าควรใช้คำว่า “ค่าใช้จ่าย” แต่จะนำกลับไปทบทวนว่าจะไปใช้คำว่า “ค่าตอบแทน” ได้หรือไม่

ด้าน นายชัชชาติกล่าวว่า ขอถอนร่างข้อบัญญัติฉบับนี้ เพื่อให้ผู้บริหารจะไปปรับปรุงตามข้อเสนอของ ส.ก.ต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image