ขยายผล จับ’แมวโพง’ขายซากเสือกว่า 500 ซาก รับทำมา 2 ปี อ้างแค่สั่งซื้อมาขายต่อ
ตามที่ตำรวจ กก.1 บก.ปทส.ได้ดำเนินการล่อซื้อหนังเสือจากผู้ค้าซากสัตว์ป่าทางเฟซบุ๊กชื่อ “แมวโพง” ซึ่งได้โพสต์ขายลงในกลุ่มเครื่องรางของขลัง จึงได้ทำการขยายผลจนทราบที่อยู่ของผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว และได้ทำการขอหมายค้นศาลจังหวัดปทุมธานี เข้าตรวจค้นสถานที่เก็บซากสัตว์ป่า ซึ่งอยู่ในท้องที่ตำบลบ้านบางปรอก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี นั้น
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปรามและควบคุมไฟป่า ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดด้านสัตว์ป่าและพืชป่า (ชุดเหยี่ยวดง) และสำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง) สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า ร่วมกับสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า และกก.1 บก.ปทส. ร่วมกันตรวจยึดจับกุมผู้ลักลอบค้าสัตว์ป่าทางทางเฟซบุ๊กดังกล่าว ผลปรากฏดังนี้
1. จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1 คน คือนายกานต์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ชาวจังหวัดแพร่
2. ตรวจยึดซากสัตว์ป่าคุ้มครอง จำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ดังนี้
2.1 ซากเสือโคร่ง จำนวน 163 รายการ
2.2 ซากเสือดาว จำนวน 108 รายการ
2.3 ซากเสือดำ 133 รายการ
2.4 ซากเสือลายเมฆ จำนวน 77 รายการ
2.5 ชากเสือไฟ จำนวน 19 รายการ
(รวมทั้งสิ้น 500 รายการ)
3. นายกานต์ รับสารภาพว่าเป็นเจ้าของเฟซบุ๊กที่ค้าซากเสือดังกล่าว โดยทำมาแล้วประมาณ 2 ปี ซึ่งวิธีการจะสั่งซื้อซากเสือมาเป็นตัวจากเฟซบุ๊กไม่ทราบว่าต้นทางมาจากที่ใด แล้วตัดแบ่งขายโดยรับซื้อซากเสือโคร่ง 1 ตัวในราคาประมาณ 40,000 – 50,000 บาท แล้วแบ่งชิ้นส่วนของเสือโคร่งต่างๆ เช่น หัวเสือโคร่งจะขายในราคาหัวละ 10,000 -20,000 บาท ลำตัว ขายในราคา 12,000 บาท เป็นต้น ส่วนกลุ่มลูกค้าจะเป็นนักสะสม หรือพวกที่ชอบเครื่องรางของขลัง
4. แจ้งข้อกล่าวหา ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ดังนี้
4.1 มาตรา 17 ฐาน “มีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี” มีอัตราโทษตามมาตรา 92 จำคุกไม่เกินห้าปี ปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
4.2 มาตรา 29 ฐาน “ค้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” มีอัตราโทษตามมาตรา 89 จำคุกไม่เกินสิบปี ปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พร้อมทั้งได้ดำเนินการตามมาตรา 22 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 และได้แจ้งสิทธิให้ผู้ต้องหาทราบแล้ว
5. มอบเรื่องราวให้ ตำรวจกก.1 บก.ปทส. เป็นผู้กล่าวโทษและเป็นพยานในคดี นำส่งพนักงานสอบสวนกองกำบังคับการปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยซากสัตว์ป่าของกลางจำนวนดังกล่าว อยู่ในระหว่างส่งมอบให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รับไปตรวจสอบชนิดพันธุ์ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง และนำไปดูแลและเก็บรักษาตามระเบียบต่อไป