‘ไม่เหลืออะไรเลย’ ผู้ประสบภัย เล่าวินาทีหอบลูก-แมว หนีไหม้เยาวราช ปลื้มจนท.ช่วยไว

ผู้ประสบภัย โอด ‘ไม่เหลืออะไรเลย’ เล่าวินาทีหอบลูก-แมว หนีไฟไหม้เยาวราช ปลื้ม จนท.ช่วยไว ดูแลครบปัจจัย 4

จากกรณีเกิดเหตุไฟไหม้ภายในชุมชนตรอกโพธิ์ ถนนเยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กระทั่งเพลิงได้ลุกลาม สร้างความเสียหาย 4 คูหา ขณะนี้เพลิงลุกลามเข้าอาคารข้างเคียงเป็นอาคารพาณิชย์ สูง 6 ชั้น และ 8 ชั้น อยู่ด้านซอยมิตรสัมพันธ์ เมื่อคืนวันที่ 6 กรกฏาคมที่ผ่านมานั้น

เมื่อวันที่ 8 กรกฏาคม เวลา 14.00 น. ที่วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร (วัดเกาะ) เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ หนึ่งในจุดพักพิงชั่วคราวของผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้ตรอกโพธิ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ ต่อแถวที่จุดรับบริจาคหน้าอาคารรองรับถุงช่วยเหลือ โดยต้องลงทะเบียน ณ จุดลงทะเบียนบริเวณหน้าโบสถ์ เพื่อแสดงตัวตนสำหรับการต้องการความช่วยเหลือ (บัตรสีชมพู) และ รับบัตรเขียวแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อรับสิ่งของช่วยเหลือ อาทิ อาหารกล่อง น้ำดื่ม กระดาษชำระ และอุปกรณ์ยังชีพต่างๆ

ทั้งนี้ ประชาชนและภาคเอกชน ทยอยเดินทางมาบริจาคสิ่งของต่อผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้ตรอกโพธิ์อย่างต่อเนื่อง โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกช่วยลำเลียงสิ่งของบริจาค และจัดระเบียบเพื่อแจกจ่ายต่อไป

ADVERTISMENT

นางประยงค์ กล้าหาญ อายุ 61 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป ให้สัมภาษณ์ ‘มติชน’ ว่าตอนเกิดเหตุการณ์ตนทำงานโอทีอยู่ข้างนอก แถวเจริญกรุง 14 ทราบข่าวไฟไหม้จากเพื่อนที่โทรศัพท์มาบอก จากนั้นก็รีบขอเจ้านายเลิกงานเพื่อรีบกลับไปดูบ้านของตัวเองทันที

“ป้ารีบวิ่งมา ตอนนั้นเพลิงลุกไหม้แล้ว รถดับเพลิงก็มาเต็มแล้ว ตกใจมาก” นางประยงค์กล่าว

นางประยงค์ กล้าหาญ

นางประยงค์เผยด้วยว่า นอกจากนี้ บ้านของตนนั้นก็ไหม้หมด ไม่เหลืออะไรเลย เป็นบ้าน 2 ชั้น สามีทำงานอยู่ต่างจังหวัด ซึ่งเป็นบ้านที่แบ่งกันอยู่กับลูกบ้านอีก 4 คน เป็นคู่สามีภรรยาเหมือนกัน ทุกคนปลอดภัยดี แต่ไม่มีใครขนอะไรออกมาเลย หลังจากนั้นก็รีบมาที่ศูนย์พักพิง ที่วัดเกาะ

นางประยงค์กล่าวต่อว่า ในส่วนของความเสียหาย โดยเฉพาะของที่มูลค่าสูงที่เสียหายจากเพลิงไหม้จะเป็นผ้าไหม กระเป๋าแบรนเนมด์

ไม่เหลืออะไรเลย ไม่ได้อะไรเลย รู้สึกเสียใจที่ของมีคุณค่าทางจิตใจถูกเผาไปหมด ป้าปลื้มใจนะที่ทุกหน่วยงานดูแลดีมาก ได้รับของเยอะแยะมาก ครบปัจจัยทั้ง 4 นางประยงค์กล่าว

นางประยงค์กล่าวอีกว่า ตนไม่ทราบจริงๆ ว่าต้นเพลิงมาจากไหน แต่ลูกบ้านอีก 2 คู่อยู่ในเหตุการณ์ ก็หนีออกมาก่อน จนปลอดภัย ซึ่งส่วนตัวมองว่าในแง่การเยียวยาเพียงพอแล้ว

“การช่วยเหลือเพิ่มเติมที่อยากได้ คือป้ามีชื่อเป็นเจ้าของบ้าน แต่ตอนนี้ไม่มีบ้านแล้ว เราจะขึ้นหน่วยงานตรงไหนได้บ้าง ว่าเราไม่มีบ้านเราแล้ว เราจะยกเลิกทะเบียนบ้านอย่างไร ให้เราทำอย่างไร อยากให้หน่วยงานมาช่วยเหลือ” นางประยงค์กล่าว

นางประยงค์กล่าวว่า ตนอยู่ที่นี่มานานเป็นรุ่นต่อรุ่น เจ้าของที่ใจดีมาก ไม่ขึ้นราคาค่าเช่า ไม่มีเหตุการณ์มาขอซื้อที่ อยู่มา 20 กว่าปี ไม่มีปัญหาอะไรเลย

“ส่วนในเหตุการณ์ไฟไหม้ในปี 2565 ไม่ได้รับความเสียหาย แต่ครั้งนี้ได้รับผลกระทบเต็มๆ นางประยงค์กล่าวทิ้งท้าย

ด้าน น.ส.พนมพร บุญแห่ห้อม กล่าวว่า ตนอายุ 42 ปี มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ที่บ้านอาศัยกัน 4 คน ประกอบด้วยตนและลูกอีก 3 คน ซึ่งอายุ 17, 14 และ 9 ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีแมว 1 ตัว ตอนที่ไฟไหม้ก็อยู่ในเหตุการณ์ แต่รู้สึกตัวอีกทีก็เป็นเพลิงลุกโชนแล้ว

น.ส.พนมพรกล่าวต่อว่า แมวจรมีเจ้าหน้าที่จับออกไป แต่แมวของตัวเองเลี้ยงในบ้านระบบปิด มี 1 ตัว พอไฟไหม้ เอาของลงมา ก็รีบขนแมวออกไปเลย

“ตอนนั้นประมาณ 20.40 น. เราเพิ่งเข้าบ้านมาสักพัก ลูกก็อยู่ข้างบน ต้องรีบเอาลูกลงมาเพราะไฟอยู่ข้างบน รีบคว้าแมว และลูก 3 คน”

“บ้านไหม้หมดหลังเลย ของมีค่าไหม้หมดเลย ถ้าไม่วิ่งออกมาในตอนนั้ก็คงออกไม่ได้เพราะไฟมันลงมาจากหลังคา บ้านอยู่ข้างในซอย ไฟมันมาจากต้นซอย ไฟมาเร็วมาก 10-20 นาทีก็มาเรื่อยๆ เลย ไฟมันอ้อมไหม้หมดเลย ไม่เหลืออะไรเลย แต่เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือเร็ว แต่ถึงมาเร็วก็ยังไหม้อยู่ดีเพราะซอยมันแคบ เข้าไม่ถึง บ้านห่างจากจุดเกิดเหตุไม่ไกลมาก” น.ส.พนมพรกล่าว

น.ส.พนมพร บุญแห่ห้อม

น.ส.พนมพรกล่าวอีกว่า สำหรับการเยียวยา เจ้าหน้าที่เข้ามาจัดการได้ดีในระดับหนึ่ง ตนก็มารับของบริจาค ซึ่งมีครบ ตอนเกิดเหตุการณ์ ก็ไปพักบ้านเถ้าแก่ ไม่ได้ไปศูนย์พักพิง ส่วนเจ้าของพื้นที่โทรหาตนเพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ แต่ขอย้ำว่าไม่เกี่ยวกับการซื้อขายที่เพื่อสร้างห้างหรือโรงแรม และตนอยู่ที่นี่มา 20 ปีตั้งแต่รุ่นพ่อ-แม่

“ครั้งนี้ไฟไหม้หนักที่สุดที่เคยอยู่มาเลย ไม่เคยรุนแรงขนาดนี้มาก่อน หวังให้มีการดูแลและเยียวยาในการดูแลบ้านที่เสียหายไป” น.ส.พนมพรกล่าวทิ้งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image