เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงกรณีแพทย์ประจำโรงพยาบาลชุมชน(รพช.)แห่งหนึ่งในสังกัดสธ.ประจำจังหวัดเชียงราย ได้แชร์หนังสือขอลาออกจากราชการผ่านโซเชียลมีเดีย พร้อมเผยสาเหตุถึงการลาออก ที่มาจากทั้งปัญหาส่วนตัว และปัญหาจากภาระงานที่มาก บุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ ต้องทำงานอย่างหนักจนส่งผลต่อสุขภาพทั้งกายและใจ ว่า เป็นเรื่องจริง ที่มีแพทย์รวมทั้งบุคลากรสาธารณสุขลาออก ก็ต้องยอมรับความจริง และพยายามหาทางแก้ปัญหาที่การบริหารจัดการ โดยขณะนี้ก็กำลังแก้ด้วยการบริหารจัดการอยู่ จริงๆการดูแลประชาชนแม้จะใจรัก แต่ก็งานหนักจริงๆ ซึ่งขณะนี้สธ.ก็พยายามมีนโยบายในการลดปัญหาการเจ็บป่วยจนต้องพบแพทย์ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค การทำงานผ่านคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ และการทำงานอื่นๆเพื่อลดการเจ็บป่วยลง
ผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาแพทย์ลาออกจากภาระงาน ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาการบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอหรือไม่ นพ.โสภณ กล่าวว่า มีผล เพราะว่าคนก็อยากเป็นผู้เชี่ยวชาญ อยากอยู่รพ.ใหญ่ คนที่จะไปอยู่รพ.ห่างไกลต้องเสียสละจริงๆ ขณะเดียวกันค่าตอบแทนที่เป็นแรงจูงใจก็มีผล ทุกอย่างเป็นปัจจัยได้หมด ก็ต้องพยายามปรับแก้ ซึ่งครั้งนี้ที่จะมีการปฏิรูปในหลายๆประเด็น ก็จะแก้ปัญหาตรงนี้ อย่างล่าสุดนายกรัฐมนตรีให้กรอบอัตรากำลังโดยให้ไปทำงานประชุมหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งมีนพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อดีตอธิบดีกรมการแพทย์ เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น และประธานชมรมแพทย์ชนบทออกมาคัดค้านการแก้พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ทั้งเรื่องการแยกเงินเดือนออกจากงบเหมาจ่ายรายหัวจะทำให้มีปัญหาการกระจายตัวบุคลากร นพ.โสภณ กล่าวว่า ตนยังมองว่าจำเป็นต้องแยกเงินเดือนออกจากงบเหมาจ่ายรายหัว เพราะจะทำให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชน จะทำให้ประชาชนแต่ละจังหวัดมีงบรายหัวในการดูแลรักษา ทำไมการบริหารจัดการเพื่อกระจายบุคคลากรต้องเอาประชาชนเป็นตัวประกัน ทำให้ประชาชนในบางจังหวัดไม่มีเงินค่ารักษา แต่ที่ผ่านมาที่รพ.อยู่ได้ ก็เพราะเกลี่ยกันเอง แต่เกลี่ยยังไง คนที่เคยได้รับเยอะก็มีปัญหาอีก ล่าสุดมีคนเอาข้อมูลมาให้ว่า รพ.ขนาดใกล้เคียงกัน หักเงินเดือนแตกต่างกัน อย่างบางรพ.มีบุคลากรอายุมากก็ถูกหักเงินเดือนเยอะ แต่บางรพ. มีบุคลากรหนุ่มๆสาวๆ ก็หักเงินเดือนน้อย ซึ่งปัญหาเงินเดือนนอกจากไม่ช่วยเรื่องกระจายบุคลากรแล้ว ยังเกิดความไม่เป็นธรรมในหลายๆประเด็น ซึ่งตรงนี้มีข้อมูลหมด
“การเอาแนวคิดว่าการรวมเงินเดือนจะช่วยเรื่องกระจายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขนั้น ผมว่าสาเหตุที่ไม่ควรทำแบบเดิม เพราะ 1. ทำมา 15 ปีแล้วก็ไม่ได้ผล และ2. เรื่องการบริหารจัดการควรแก้ที่การบริหารจัดการ ไม่ใช่เอาเงินการดำเนินงานเรื่องซื้อยา หรือค่าบริการประชาชนมาทำ พูดง่ายๆ การบริหารจัดการไม่ควรเอาประชาชนเป็นตัวประกัน และการหักเงินเดือนก็บริหารจัดการยาก ทำให้เกิดความทุกข์ในระบบของคนให้บริการ อย่างการดูแลผู้ป่วยใน ดูแลอย่างดี แต่ทำไปทำมากลับไม่ได้เงิน บางครั้งติดลบอีก บริหารจัดการยาก ผมถามว่าใครคิดว่าบริหารเก่ง ลองให้รพ.ที่บริหารเงินเยอะๆมาอยู่ รพ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ก็ได้ ใครเก่งจริงมาอยู่เลย ผมบอกเลยนะการบริหารจัดการเราต้องมองทั้งระบบ เงินไม่ใช่ของรพ.ใด รพ.หนึ่ง แต่เป็นของแผ่นดิน เพื่อทำให้ประชาชนทุกคน” ปลัดสธ. กล่าว
