อาจารย์ ม.ดังโพสต์ เมียกลับจากสิงคโปร์ ติดด่านตม.ดอนเมือง 5 ชม. จนท.บอกเครื่องบินลงเยอะ

วันที่ 5 สิงหาคม เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul ของ ผศ.ปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความว่า “มารับภริยาผมที่ดอนเมือง เธอส่งรูปมาให้ดู นี่คือการต่อแถวที่ ตม.ที่ทุเรศทุลักทุเลที่สุด นี่หรือประเทศที่มีรายได้อยู่ที่การท่องเที่ยวเป็นหลัก เธอประเมินว่าน่าจะ 2,000 คน และแถวไม่ขยับเลย
ผมคิดว่าเธอคงเซ็งมาก เดินทางมาจากสิงคโปร์ จากสนามบินที่ดีที่สุดในโลก มาประเทศไทย สนามบินที่บริหารจัดการแย่ติดอันดับต้นๆ ของโลก
เธออยู่มา และไปๆ มาๆ 8-9 ปี เธอบอกผมว่า ประเทศไทยถอยลงไปเยอะจริงๆ ในทุกๆ เรื่อง ผมเห็นด้วย นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่าง

โดยอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ต่อมา ผศ.ปิยบุตรก็ได้โพสต์อีกครั้ง ข้อความว่า “กลับมาจากฝรั่งเศสได้ไม่นาน ผมอยากกลับไปฝรั่งเศสอีกแล้ว หรือขอไปอยู่ที่อื่นก็ได้ เดนมาร์กก็ได้ สิงคโปร์ก็ได้
ภริยาผมบอกว่า เธอไม่อยากอยู่ประเทศนี้แล้วจริงๆ
เมื่อก่อน เธอไม่เคยพูดแบบนี้ พึ่งมาปีนี้นี่แหละ ที่ผมได้ยินบ่อยๆ
ผมเอง ก็ไม่ค่อยอยากจะอยู่เท่าไร
และถ้ามีลูก ผมไม่มีวันให้ลูกผมเรียนและเติบโตที่นี่แน่นอน
ประเทศไทย คงเหมาะกับการมาเที่ยวประเดี๋ยวประด๋าว หรือหากจะอยู่ ก็ไม่ควรชอบทำกิจกรรมอะไรมาก นอกจากอยู่บ้าน อยู่บ้าน อยู่บ้าน
ในทางการเมือง ก็แย่ลงไปทุกวัน ดูทีท่าว่าคงไม่ฟื้นกลับมาแน่
ในทางเศรษฐกิจ คนรวย ก็มีแต่รวยขึ้นๆ คนชั้นกลาง ก็ดิ้นรนอยู่เป็นไปเรื่อยๆ ใช้สารพัดกลวิธีในการถีบตัวเองขึ้นไป แต่คงหาคนที่รอดถีบตัวเองได้น้อยลง คนจนก็จนลงๆ จนดักดานมากขึ้น
ในทางคุณภาพชีวิต สวัสดิการ การบริการ มาตรฐานขั้นต่ำ ก็แย่ลงไปกว่าเดิม
ในทางการศึกษา ก็กลายเป็นธุรกิจไปจนหมด แถมยังเจอระบบเกณฑ์ สกอ. สารพัด
ต่อไป คนไทยคงจะไหลออกมากขึ้น ถ้าคนไทยได้ภาษาอังกฤษกว่านี้ คงมีคนไหลออกมากขึ้นอีก
ต่อไป พวกที่อยู่ได้ คือ พวกที่รวย สบาย แล้วก็ที่นี่ให้อภิสิทธิ์ และเป็นคอมฟอร์ต โซน ความยากลำบากที่คนส่วนใหญ่ต้องเผชิญ พวกเขาก็สามารถใช้เงินแก้ไขได้
ที่เหลือ ก็คือ พวกที่หาหนทางออกไปไม่ได้ ก็ต้องปรับตัว ทนกันไป บ้างก็ใช้วิธี “องุ่นเปรี้ยว” หลอกตนเองไปเรื่อยๆ ว่า ประเทศไทยสุดยอดที่สุด บ้างก็ใช้วิธีอดทน หน้าชื่น อกตรม
การเมือง ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ ความเจริญของประเทศ จริงๆ
ระยะยาว ผมไม่เห็นเลยว่าประเทศนี้จะไปต่อได้อย่างไร จะดีขึ้นได้อย่างไร
ของที่เราขาย ก็มีแต่จะขายไม่ออกมากขึ้น ไม่ว่า ค่าแรง สินค้า เกษตร อุตสาหกรรม จะพัฒนาไปสตาร์ตอัพ เทค ก็ไปไม่ทันเขาอีก เอามาสร้างภาพขายฝัน
เหลือแต่การท่องเที่ยว กินบุญเก่าไป ซึ่งคงใช้ได้อีกไม่นาน
บางครั้ง ผมก็อิจฉาคนอายุ 60-70 ซึ่งทนอีกแป๊บเดียว ก็สบายแล้ว
ผมสงสารเยาวชนคนรุ่นใหม่ ต้องมารับผลนี้ และต้องอยู่แบบนี้ไปอีกนาน
ผมเอง คนที่เคยผ่านรุ่นวิกฤต 2540 มา คนที่เคยผ่านรุ่นการเมืองเริ่มเข้าที่ เศรษฐกิจกำลังทะยาน แล้วพอมาเห็นแบบนี้ ก็ได้แต่เศร้าใจ
ผมเชื่อว่า นี่ยังไม่ใช่จุดที่เลวร้ายที่สุด มันยังต่ำดิ่งลงกว่านี้ได้อีก

และไม่นานต่อจากนั้นก็โพสต์อีกว่า ภริยาผมส่งภาพล่าสุดมาให้ สองชั่วโมงผ่านไป การรอคิวที่ ตม.ของคนต่างชาติยังเป็นแบบเดิม แน่นจนขยับตัวไม่ได้ ขาดอากาศ หิวน้ำ
ผมดูตารางเครื่องลง เดี๋ยวจะตามมาอีกหลายเที่ยวบิน
แล้วมันก็จะอัดแน่นเข้ามาอีก เป็นคอขวด
จนตอนนี้ ยังไม่มีการแก้ไขใดๆ ทั้งสิ้น
นี่คือ ประเทศที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก อวดอ้างโฆษณาชวนคนต่างชาติให้มาเที่ยว
สุดยอดจริงๆ ครับ

Advertisement

สื่อมวลชนช่วยทำข่าวหน่อยได้มั้ยครับ จนตอนนี้ 3 ชั่วโมงแล้ว ตม.ของคนต่างประเทศยังแน่นเหมือนเดิม แถวไม่ขยับ คนเริ่มขาดอากาศ หิวน้ำ เป็นลม

เดี๋ยวจะมีเที่ยวบินอื่นลงตามมาอีก
ผมทนไม่ไหว เลยโทรไปร้องเรียนเจ้าหน้าที่สนามบิน เธอกำลังแก้ไข แต่เจ้าหน้าที่ ตม.ไม่พอ
ภริยาผมบอกว่า มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งจะเปิดช่องเพิ่ม แต่หัวหน้ากลับสั่งห้าม
เลยมีช่องว่างๆ อยู่สองเลน
จนถึงตอนนี้ 3 ชั่วโมง ยังไม่มีการแก้ไขปัญหาใดๆ

Advertisement

เจ้าหน้าที่ ตม.บอกผมว่า ปัญหาเกิดจากเครื่องบินลงพร้อมกันหลายเที่ยว ทางสนามบินไม่ประสานเรื่องช่องต่างๆ ไว้ ยิ่งมีทัวร์จีนมาเป็นร้อยๆ คน ก็ยิ่งอัดแน่น เธอบอกว่า เจ้าหน้าที่ ตม.พยายามทำดีที่สุดแล้ว
แล้วทำไม สนามบิน กับ ตม. ไม่ประสานจัดการแก้ปัญหาเรื่องนี้?
ในเมื่ออยากได้รายได้จากนักท่องเที่ยวจีน อยากได้เที่ยวบินมาลงเยอะๆ ทำไมไม่เตรียมการแก้ปัญหานี้ไว้
ขณะนี้ 3 ชั่วโมงเศษแล้ว ยังเหมือนเดิม

ดูแววแล้ว อาจได้รอจนถึงตี 5 ถ้ายังไม่แก้ปัญหา
ผมดูตารางเที่ยวบิน มีมาจากจีนอีกหลายลำ ทัวร์จีนอีกหลายร้อยหลายพันกำลังทยอยเข้ามาอีก
สถิติโลกแน่ๆ รอผ่าน ตม.จากเที่ยงคืนยันเช้า ใช้เวลานานกว่าเดินทาง
ประเทศแบบนี้ เรียกว่าอะไรดี?

เวลาผ่านไปนับตั้งแต่เครื่องบินลงจอดได้ 4 ชั่วโมงแล้ว ภริยาของผมยังคงติดอยู่ที่ ตม. และคนยังแน่นเหมือนเดิม
4 ชม. เราสามารถนั่งรถไฟจากปารีสไปนีซ
4 ชม. เราสามารถอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ หาความรู้
4 ชม. เราสามารถดูหนังได้สองเรื่อง ดูโอเปร่าขนาดยาวได้ 1 เรื่องแบบมีเวลาเหลือ

และเมื่อเวลา ประมาณตีห้าเศษ ผศ.ปิยบุตรระบุว่า “ถึงบ้านเรียบร้อยรวมเวลาที่ต่อแถวผ่านด่าน ตม.ตั้งแต่เที่ยงคืน รวม 4 ชั่วโมง 20 นาที
รวมเวลาที่ผมออกจากบ้านจนกลับมาถึงบ้าน 5 ชั่วโมง 40 นาที
สถานการณ์ด้านใน ตรงด่าน ตม.ตามที่ภริยาผมพบเจอมา เป็นดังนี้
ผู้โดยสารต่างประเทศเต็ม 2-3 พันคน
อากาศหายใจไม่สะดวก ผู้โดยสารจำนวนมากอ่อนเพลีย หิวน้ำ มีบางคนเป็นลม
ช่องให้บริการมีน้อย หลายช่องไม่เปิด
มีช่องบริการที่ไว้สำหรับ Priority และลูกเรือ เปิดไว้โล่งๆ แทนที่จะผ่อนผันแบ่งคนไป แต่เจ้าหน้าที่มัวแต่สาละวนกับการตรวจเช็กว่า ใครมีสิทธิเข้าช่องนี้บ้าง แล้วก็ไล่ตะเพิดคนออก ราวกับว่า การได้ใช้อำนาจแบบนี้ มันทำให้ตัวเองดูใหญ่โตขึ้น
นักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนยืนยันว่า นี่คือประสบการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
บางคนพึ่งมาเมืองไทยครั้งแรก เจอแบบนี้เข้าไป ก็คงเข็ดขยาด
ที่น่าสนใจ ภริยาผมสังเกตว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ มันเป็นไปตามระบอบเผด็จการด้วย
เจ้าหน้าที่เพลินกับอำนาจ มากกว่าการให้บริการ
ถ้าเป็นระบอบประชาธิปไตย เจ้าหน้าที่จะต้องปรับวิธีคิด และไม่กล้าทำแบบนี้
เจ้าหน้าที่มีความสุขกับการใช้อำนาจ ในการเดินตระเวนไล่คนที่พยายามจะมาใช้ช่องอีกสองช่องที่เปิดโล่ง โดยบอกว่า นี่คือช่อง Priority
ภริยาผมไปเรียกร้องให้ระบายคนออกไปช่องโล่งๆ คำตอบ คือ โดนด่ากลับมา
เจ้าหน้าที่ทำงานไปยิ้มไป ราวกับมีความสุขกับการมีคนหลายพันแออัดรอคิวผ่านด่าน
เธอบอกผมว่า ถ้าเจ้าหน้าที่ไทยไปอยู่ในสมัยนาซี คงพร้อมทำตามอย่างเชื่องๆ แน่นอน

ผมคิดว่าจริง ก็ลองดูเจ้าหน้าที่รัฐตอนนี้สิครับ กล้าใช้อำนาจอย่างไม่กลัวเกรงใดๆ ทั้งสิ้น เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

Hannah Arendt เคยบอกไว้ว่า การศึกษาระบอบเผด็จการ จำเป็นต้องศึกษากลไกที่ทำให้เจ้าหน้าที่พร้อมพลีตนรับใช้เผด็จการอย่างไม่อิดออดได้อย่างไร เขายอมแปลงกายเป็นฟันเฟืองเครื่องจักร หุ่นยนต์ได้อย่างไร
ระบอบเผด็จการส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวัน
หากระบอบนี้ยังดำรงอยู่ต่อไป
ประเทศนี้จะสูญเสียอีกมากมายมหาศาล

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image