เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวในที่ประชุมติดตามผลความคืบหน้าการดำเนินตามระเบียบกทม.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการแบ่งค่าปรับที่ได้จากการเปรียบเทียบปรับให้เแก่ผู้แจ้งความนำจับ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 ว่า ตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เทศกิจปฎิบัติงานด้วยความโปร่งใสและติดตามกวดขันการกระทำความผิดอย่างใกล้ชิด รวมถึงให้รักษาข้อมูลของผู้แจ้งให้เป็นความลับ ขณะเดียวกันระเบียบของกทม.ฉบับใหม่ได้มีรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการปฎิบัติอย่างชัดเจน นอกเหนือพ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ อาทิ การพิมพ์ลายมือชื่อแทนการลงชื่อ เพื่อป้องกันการทุจริตเบิกเงินรางวัลนำจับ ทั้งนี้ กทม.จะร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ขยายผลการดำเนินการให้ครอบคลุมต่อไป
พล.ต.ท.อำนวย กล่าวว่า สำหรับประชาชนที่มีข้อสงสัยต่อการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ที่พบว่าเจ้าหน้าที่ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้านั้น กรณีนี้เกิดจากความจำเป็นเจ้าหน้าที่ซึ่งบางครั้งต้องอาศัยความเร่งด่วนในการปฎิบัติงาน กลับกันหากตรวจสอบแล้วพบว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีความจำเป็นต้องดังกล่าวก็ถือเป็นการกระทำความผิดเช่นเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมาตนได้กำชับให้เปรียบเทียบค่าปรับอย่างเหมาะสมกับความผิดและพบว่ามีประชาชนสนใจเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก
รองผู้ว่ากทม. กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินการพบว่า ระหว่างวันที่ 15-20 กรฎาคม ทางสำนักเทศกิจได้เปิดรับข้อมูลผ่านหลากหลายช่องทาง พบว่า ยังไม่พบประชาชนแจ้งเหตุหรือร้องเรียน ผ่านช่องทางไปรษณีย์และการแจ้งด้วยตนเองที่สำนักงานเขต แต่พบว่าช่องทางเฟซบุก : สำนักเทศกิจ กรุงเทพมหานคร พบประชาชนติดต่อเข้ามา 15 ราย ทางอีเมล์ : [email protected] 44 ราย และพบว่าทางแอพลิชันไลน์ @ebn6703w เป็นช่องทางที่ประชาชนให้ความสนใจและติดต่อเข้ามากที่สุดกว่า 32,800 ราย และมีผู้แจ้งเบาะแสการกระทำผิดทั้งสิ้น 434 ราย โดยอยู่ระหว่างการสืบหาผู้กระทำความผิด 185 คดี ในจำนวนนี้ทำการตักเตือน 13 คดี สั่งการให้แก้ไข 7 คดีและมีการเปรียบเทียบปรับ 24 ราย โดยมีผู้ได้รับรางวัลนำจับไปแล้ว 8 ราย อยู่ระหว่างการขอรับเงิน 10 รายและอีก 6 รายไม่ประสงค์รับเงินรางวัลนำจับ
