เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธานการเปิดการประชุมมอบนโยบายการส่งเสริมให้ปี 2561 เป็นปีท่องเที่ยว เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน ในอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ
นายธัญญา กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้ ปี 2561 เป็น “ปีท่องเที่ยววิถีไทยเก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเน้นการท่องเที่ยวให้เป็นอุตสาหกรรมเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ประกอบกับนโยบายของ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรี ทส. ให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ สนับสนุนนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล ซึ่งในด้านการพัฒนาด้านแหล่งท่องเที่ยว มีการเพิ่มกิจกรรมนันทนาการ และเพิ่มพื้นที่เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ เช่น ทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติ กิจกรรมดูนก พัฒนาจุดชมทิวทัศน์ในแหล่งท่องเที่ยวเดิมและแหล่งใหม่ๆ จัดทำโปรแกรมการท่องเที่ยวเป็นช่วงเวลาที่แน่นอน และประสานชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมและได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยว และในส่วนของการบริการด้านความปลอดภัย ได้มีชุดกู้ภัยประจำทุกอุทยานอยู่แล้ว เพื่อให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในด้านต่างๆ และที่ผ่านมากรมอุทยานฯ ได้ลงนามความร่วมมือกับบริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในการจัดทำแผนประกันอุบัติเหตุ (ประกันภัยนักท่องเที่ยวอุทยาน) เพื่อให้ความคุ้มครองแก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการในอุทยานแห่งชาติด้วย
นายธัญญา กล่าวอีกว่า ขณะที่การพัฒนาด้านสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งในเรื่องนี้ต้องให้ความสำคัญในเรื่องรูปแบบการก่อสร้างให้มีความกลมกลืนกับธรรมชาติไม่บดบังทัศนียภาพที่สวยงาม บ้านพัก และอุปกรณ์ต้องมีมาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย จุดจอดรถเพียงพอ ส่วนเรื่องห้องน้ำอุทยานฯ ที่ผ่านมาอาจมีการบ่นถึงความไม่สะอาด ซึ่งกรมอุทยานฯ ได้ปรับปรุง พัฒนาห้องน้ำให้ดีขึ้น และดูแลความสะอาดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงท่องเที่ยว เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก และส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน พนักงานทำความสะอาดที่แต่เดิมอาจทำทุก 2 ชั่วโมง ก็อาจไม่เพียงพอ ต้องปรับเวลาทำความสะอาดทุกครึ่งชั่วโมง หรือ 1 ชั่วโมง และเรื่องขยะ กรมอุทยานฯ ได้ประชาสัมพันธ์ลดการนำขยะเข้าไปในแหล่งท่องเที่ยว รณรงค์ห้ามนำภาชนะที่ทำจากโฟมเข้าไปในอุทยานฯ ลดการทิ้งขยะในแหล่งท่องเที่ยว และ ช่วยนำขยะออกไปจากแหล่งท่องเที่ยวด้วย
อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า ในส่วนของจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2561 เชื่อว่า จะมีนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น เมื่อดูจากสถิติรายได้อุทยานฯ ทั่วประเทศ ในปี 2559 เก็บได้ 1,900 กว่าล้านบาท ในปี 2560 เก็บได้ 2,400 กว่าล้านบาท และในเดือนตุลาคม ปีงบประมาณ 2561 เพียงเดือนเดียวเก็บได้ 52 ล้านบาทแล้ว ซึ่งในส่วนของเงินรายได้อุทยานฯนั้น เราจะนำเงินรายได้เหล่านี้ไปพัฒนาในพื้นที่อุทยานฯ อื่นๆ ให้มีความน่าสนใจ และจัดอำนวยความสะดวก เพื่อเป็นอุทยานฯทางเลือกให้แก่นักท่องเที่ยว และเพื่อกระจายความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวด้วย แต่อย่างไรก็ตามกรมอุทยานฯ ไม่ได้มุ่งหวังให้นักท่องเที่ยวมากขึ้น แต่มุ่งหวังให้นักท่องเที่ยวทุกคนมีความสุข ได้รับความสะดวกสบาย ห้องน้ำสะอาด เจ้าหน้าที่อุทยานฯต้องยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี
“ทั้งนี้ขอประชาสัมพันธ์ถึงนักท่องเที่ยวที่ต้องการสูบบุหรี่ อุทยานฯได้จัดเขตปลอดบุหรี่ และ เขตสูบบุหรี่ ซึ่งมีป้ายบอกอย่างชัดเจน และในกรณีที่มีนักท่องเที่ยวไม่ปฏิบัติตามกฎของอุทยานแห่งชาติ เช่น ส่งเสียงดัง หรือนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามา เจ้าหน้าที่อุทยานฯ จะเข้าไปตักเตือนก่อน ซึ่งหากนักท่องเที่ยวไม่เชื่อ เราจะมีมาตรการเข้มงวดและขอเชิญออกจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติทันที เพราะต้องเข้าใจถึงนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ต้องการเข้ามาพักผ่อน และต้องการความสงบด้วย” อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าว
