เมื่อวันที่ 30 มกราคม นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดสัมมนา “ฌาปนกิจอย่างไร ให้ปลอดภัยจากโรคและมลพิษ” ซึ่งมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการฌาปนกิจศพกว่า 500 ราย เข้าร่วมฟังว่า เป็นข่าวดังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจนประชาชนตื่นตระหนก หลังมีการตรวจพบค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานกำหนด ข้อเท็จจริงกลับไม่ได้อันตรายตามข่าว ปรากฎและพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมักเกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงรอยต่อของฤดูหนาวสู่ช่วงฤดูร้อน ปัจจุบันสถานการณ์ฝุ่นละอองเริ่มบรรเทาลง ได้ตรวจพบค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) อยู่ระหว่าง 27-31 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) จากมาตรฐานกำหนดไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม. อย่างไรก็ตาม กทม.ได้ดำเนินแก้ไขปัญหามลภาวะมาในทุกรูปแบบ พร้อมกำหนดมาตรการในการป้องกันและควบคุมมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นจากเตาเผา ทั้งเตาเผาศพที่ปล่อยควันและเถ้าถ่านหรือเถ้ากระดูกส่งผลให้เกิดฝุ่นละออง
นายทวีศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันมีวัดที่ได้รับได้รับอนุญาตให้ดำเนินการสุสานและฌาปนสถาน จำนวน 311 แห่ง จากวัด 435 แห่งทั่วกรุงเทพฯ โดยบางแห่งไม่มีเตาเผา อาทิ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ฯลฯ ในจำนวนนี้พบวัดตามชานเมือง จำนวน 7 แห่ง ไม่มีมาตรฐาน เพราะเป็นเตาเผาเดียว ส่วนนี้ กทม.ได้จัดเจ้าหน้าที่ลงไปพูดคุยทำความเข้าใจและแนะนำให้เปลี่ยนใช้เตาเผาระบบ 2 เตา คือมีทั้งห้องเผาศพ และห้องเผาควัน ราคาประมาณ 1-2 ล้านบาท ส่วนเตาเก่า กทม.จะจัดส่งเข้าตรวจสอบให้การเผาเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานมลพิษอากาศจากการเผาศพ อาทิ ฝุ่นละอองไม่เกิน 100 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ( มก./ลบ.ม.) ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไม่เกิน 200 มก./ลบ.ม. ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซต์ ไม่เกิน 100 มก./ลบ.ม.และก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน ไม่เกิน 500 มก./ลบ.ม. ฯลฯ เบื้องต้นจะให้คำแนะนำและแจ้งเตือนให้ปฎิบัติตาม ทั้งนี้ หากไม่ปฎิบัติตาม กทม.จะให้หยุดระงับการเผาชั่วคราว เพื่อแก้ไขปัญหาเตาเผา
“สำหรับประชาชนควรงดการใส่วัตถุต่างๆ ลงไปในหีบศพมากเกินความจำเป็น เช่น กระดาษเงิน กระดาษทอง ผ้าห่มหนาๆ ของใช้ส่วนตัวผู้ตาย ส่วนเจ้าหน้าที่เผาศพต้องแกะสิ่งประดับบนหีบศพที่เป็นพลาสติกออกให้หมด เช่น ลายเทพพนม ไม่เผาไปกับศพ กระดูกและเถ้าถ่านที่เหลือต้องนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี” นายทวีศักดิ์ กล่าว
