กรมอุทยานฯ แจง คดีเสือดำไม่อืด ยัน หลักฐานแน่น มั่นใจทีมงาน ‘ศรีวราห์’

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 มีนาคม นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แถลงข่าวความคืบหน้ากรณีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริษัทอิตาเลียนไทย และพวกรวม 4 คน เข้าไปลักลอบล่าสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี

นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า ตามที่สังคมตั้งประเด็นคำถามถึงการทำงานของกรมอุทยานแห่งชาติฯ เกี่ยวกับคดีนายเปรมชัยว่า ดำเนินการล่าช้าหรือไม่นั้น ต้องแจ้งว่ากรมอุทยานแห่งชาติ ไม่ได้ทำงานล่าช้าแต่ทำงานอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากขั้นตอนด้านนิติวิทยาศาสตร์ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ เช่น การตรวจดีเอ็นเอซากเสือดำ ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า ซากเนื้อเสือดำในหม้อซุป เครื่องใน กระดูกท่อนขา จำนวน 2 ชิ้น ที่พบในที่เกิดเหตุ รวมทั้งวัตถุพยายานที่พบในที่เกิดเหตุ ได้แก่ มีดอีโต้ มีดทำครัว และมีดเหน็บ 6 เล่ม ปรากฎว่ามีดเหน็บ 2 เล่ม พบดีเอ็นเอของเสือดำ ซึ่งเป็นเสือดำตัวเดียวกัน และเป็นเพศเมีย ส่วนที่อ้างว่าเป็นเนื้อเก้ง ผลพิสูจน์พบว่าเป็นเนื้อหมูป่า ชิ้นเนื้อที่อ้างว่าเป็นเนื้อไก่ฟ้าหลังเทา พบว่าเป็นไก่ฟ้าหลังขาว

นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า ส่วนงาช้าง จำนวน 4 กิ่ง ที่ตรวจยึดได้จากบ้านนายเปรมชันนั้น ผลการตรวจพิสูจน์ปรากฎว่า เป็นงาช้างแอฟริกา โดยเมื่อวันที่ 6 มีนาคม นายนุวรรต ลีลาพตะ รองหัวหน้าชุดปฎิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดด้านสัตว์ป่า หรือชุดเหยี่ยวดง กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้เข้าแจ้งความกับทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(บก.ปทส.)เพื่อดำเนินคดีกับนางคณิตดา กรรณสูต ภรรยานายเปรมชัย ในความผิดฐานมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (งาช้างแอฟริกา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว ซึ่งจากนี้ผู้ครอบครองต้องหาหลักฐานการครอบครองมายื่นตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งหากไม่มีหลักฐานกรมอุทยานฯ จะสามารถยึดตกเป็นของแผ่นดินต่อไป สำหรับข้อมูลการแจ้งครอบครองงาช้างในพื้นที่กทม. จำนวน 16,211 ราย ต่างจังหวัด 32,416 ราย รวม 48,642 ราย โดยขณะนี้ได้ออกใบรับรองการแจ้งครอบครองงาช้างไปแล้ว 24,190 ราย ทั้งนี้มีงาช้างและผลิตภัณฑ์งาช้างรวมกว่า 1.3 ล้านชิ้น ซึ่งที่ผ่านมากรมอุทยานฯ ได้ตรวจสอบงาช้างแอฟริกามาโดยตลอด ซึ่งพบการกระทำผิดเช่นเดียวกับกรณีของภรรยานายเปรมชัย โดยอยู่ระหว่างการดำเนินคดีในชั้นศาลแล้ว

รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ กล่าวอีกว่า กรณีคดีติดสินบนที่มีการระบุในคลิปเสียงว่า มีการมอบไฟฉายให้กับนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก ซึ่งคนที่เอาไปให้คือ นายนพพล พฤกษะวัน อดีตข้าราชการกรมอุทยานฯ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาบริษัทอิตาเลียนไทยฯ ซึ่งมอบให้ในฐานะรุ่นพี่วนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่เคยทำงานในป่าเหมือนกัน โดยไฟฉายที่มอบให้อันละ 120 บาท จำนวน 5 กระบอก ราคาแค่พันกว่าบาท ซึ่งไฟฉายไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายเปรมชัย และนายวิเชียรก็ไม่ได้ถูกกลั่นแกล้งแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามสาระสำคัญคือการล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง จึงอยากให้สังคมโฟกัสเรื่องนี้ เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้รับบทลงโทษ

Advertisement

เมื่อถามว่าขณะนี้ได้ข้อสรุปว่าใครเป็นผู้ยิงเสือดำ นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ยิง แต่ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ก็ถูกแจ้งข้อหาในคดีร่วมกันฆ่าสัตว์ป่าอยู่แล้ว ซึ่งกรมอุทยานฯ มั่นใจในพยานหลักฐานที่มีทั้งหมดว่าจะสามารถเอาผิดได้ ผู้ต้องหาไม่วันหลุดคดีไปได้

เมื่อถามว่าขณะนี้สังคมมีการตั้งแฮชแท็คไม่เอาศรีวราห์ ทางกรมอุทยานฯ จะมีการขับเคลื่อนอย่างไรบ้าง นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า ตลอดเวลากว่า 1 เดือน กรมอุทยานฯ ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาโดยตลอด เราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ซึ่งมั่นใจในทีมงานทุกคน 100%

เมื่อถามว่าคณะกรรมการมรดกโลกมีท่าทีอย่างไรในเรื่องลักลอบล่าสัตว์ป่าในพื้นที่มรดกโลก นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการมรดกโลกยังไม่มีท่าทีอะไร แต่ถ้าตนเป็นคณะกรรมการมรดกโลก ตนจะยินดีมากที่คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยไม่แบ่งสีแบ่งฝ่าย และตระหนักถึงความสำคัญของสัตว์ป่ามากขึ้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image