สธ.เผยสถานการณ์ ‘ไข้มาลาเรีย’ ชมผู้จัดละคร ‘บุพเพสันนิวาส’ ให้ความสำคัญปัญหาสาธารณสุข

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีชาวตะวันตกเดินทางเข้ามาทำการค้าขายและตั้งถิ่นฐานจำนวนมาก ทำให้เป็นศูนย์กลางการค้านานาชาติ ซึ่งการเดินทางระหว่างประเทศ สามารถนำโรคติดต่อต่างๆ ที่ไม่เคยพบแพร่กระจายเข้ามาได้ โดยโรคระบาดหรือโรคติดต่อในอดีตที่สร้างความเสียหายแก่ประเทศ อาทิ โรคไข้ทรพิษ (ไข้ฝีดาษ) โรคบิด และไข้มาลาเรีย (โรคไข้จับสั่น)

 

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ในส่วนของไข้มาลาเรียนั้น พบว่ามีบันทึกในจดหมายเหตุลาลูแบร์ ซึ่งเป็นบันทึกของ ซีมง เดอ ลา ลูแบร์ ราชทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ได้เดินทางมาประเทศไทยในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ มหาราช โดยในบันทึกตอนหนึ่งในจดหมายเหตุดังกล่าว บ่งชี้ว่าโรคไข้จับสั่นเป็นโรคประจำถิ่นที่เกิดขึ้นทั่วไปในสังคมในสมัยนั้น และชาวกรุงศรีอยุธยารู้จักคุ้นชินกันเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าโรคไข้มาลาเรียอยู่ในสังคมไทยมาช้านาน ทั้งนี้ จากการสืบค้นบันทึกเกี่ยวกับการจัดการกับปัญหาโรคติดต่อในอดีต พบว่าในกรณีโรคไข้มาลาเรีย มีหลักฐานว่าเริ่มมีการใช้เปลือกต้นซิงโคนา หรือ “ยาควินิน” มาใช้ในการรักษาโรคไข้มาลาเรียตามแบบที่แพร่หลายอยู่ในยุโรป มาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ ส่วนมาตรการป้องกันและควบคุมโรคไข้มาลาเรีย นั้น ยังไม่ปรากฏบันทึกหลักฐานที่ชัดเจน แต่สันนิษฐานว่า ด้วยเหตุที่กรุงศรีอยุธยาเป็นที่พบปะแลกเปลี่ยนกันทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และ วัฒนธรรมของผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์ที่มาจากทั้งเอเชียและยุโรป จึงมีความเป็นไปได้ว่าน่าจะเริ่มมีการนำวัฒนธรรมการนอนในมุ้งเพื่อกันยุงแล้วตั้งแต่สมัยนั้น

Advertisement

“การที่สื่อบันเทิงโดยเฉพาะวงการละครได้ปลุกกระแสสังคมในเรื่องการดูแลสุขภาพและการป้องกันควบคมโรคนั้น นับเป็นเรื่องที่ดี จึงขอชื่นชมผู้เขียนบทละครและทีมงานผู้จัดละคร เรื่องบุพเพสันนิวาส ที่ให้ความสำคัญด้านงานสาธารณสุข และการป้องกัน ควบคุมโรค ซึ่งมีความสำคัญในการดูแลสุขภาพของประชาชน รวมถึงสอดแทรกสาระความรู้ต่างๆที่ดีแก่ประชาชน” นพ.สุวรรณชัย กล่าวและว่า ปัจจุบัน สถานการณ์ไข้มาลาเรียในประเทศไทย ลดลงอย่างมาก โดยในปี 2561 พบผู้ป่วยเพียง 856 คน ลดลงเกือบร้อยละ 52 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังคงพบตามแนวชายแดนที่มีการเคลื่อนย้ายของประชาชนข้ามแดน ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคยังคงเดินหน้าอย่างเข้มข้นในการกำจัดโรคไข้มาลาเรียให้หมดไปจากประเทศในปี 2567

Advertisement

ทั้งนี้โรคไข้มาลาเรียเกิดจากยุงก้นปล่องที่อาศัยตามป่าหรือลำธาร วิธีการป้องกัน คือ 1.นอนในมุ้งชุบน้ำยาไล่ยุง 2.สวมใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวปกปิด เพื่อป้องกันยุงกัด 3.ทายากันยุง และ 4.จุดยากันยุง หากประชาชนมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดข้อ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ประกอบกับมีประวัติถูกยุงก้นปล่องกัด ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image