เมื่อวันที่ 4 เมษายน นายอัครวัฒน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ตั้งกระทู้ถามสดการบริหารจัดการดับเพลิงในพื้นที่เกิดเพลิงไหม้ ในที่ประชุมสภา กทม. ซึ่งมี ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ เป็นประธาน หลังเกิดเพลิงไหม้ราเทวีอพาร์ทเม้นท์ ว่า แสดงให้เห็นถึงระบบป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของ กทม.ไม่มีความพร้อม ทั้งรูปแบบการสั่งการของเจ้าหน้าที่ โดยผู้อำนวยการเขตมีหน้าที่สั่งการ กลับมีเจ้าหน้าที่บุคคลอื่นมาร่วมสั่งการทำให้ผู้ปฎิบัติงานเกิดความสับสนในการปฎิบัติหน้าที่ ส่วนแนวทางการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ อาทิ การใช้หน้ากากออกซิเจน วิธีการปฐมพยาบาล อุปกรณ์ดับเพลิงบางชนิด ฯลฯ พบว่ายังไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงยังได้รับรายงานว่าการฝึกซ้อมของเจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีการฝึกซ้อมเพียงปีละ 2 ครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ขาดประสบการณ์ในอาคารสูง จึงเสนอแนะให้ทบทวนระบบการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของ กทม.ทั้งระบบ
พล.ต.อ.ชินทัต มีศุข รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ปฎิบัติหน้าที่อย่างเป็นระบบตามมาตรฐาน แต่กรณีอาคารราชเทวีอพาร์ทเม้นท์ พบปัญหาอุปสรรคในส่วนของอาคาร ลานจอดรถ ความกว้างของถนนภายในซอย แต่จะนำข้อจำกัดดังกล่าวไปแก้ไขปรับปรุง และว่าปัจจุบันสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก อาทิ สถานีดับเพลิงย่อยที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ขาดแคลนอัตรากำลัง เครื่องมืออุปกรณ์สำหรับปฎิบัติการ เป็นต้น แม้ที่ผ่านมา กทม.จะมีการจัดซื้ออย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่เพียงพอ
ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผุ้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ความกว้างของถนนภายในซอยเพชรบุรี 18 ซึ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารราชเทวีอพาร์ทเม้นท์มีขนาดคับแคบ มีเพียงรถดับเพลิงขนาดเล็กเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปถึงตัวอาคารได้ แต่เนื่องจากตัวอาคารห่างจากปากซอย 30 เมตร แม้มีพื้นที่เป็นลานกว้าง กลับพบรถยนต์ของผู้อาศัยจอดอยู่เต็มบริเวณ ทำให้การดับเพลิงเป็นไปอย่างยากลำบาก เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้วิธีลากสายฉีดน้ำที่ต่อจากรถดับเพลิงขนาดใหญ่มายังรถดับเพลิงขนาดเล็กเข้าพื้นที่ไปได้เท่านั้น นอกจากนี้ จากการตรวจสอบอาคารดังกล่าวได้ขออนุญาตก่อสร้างเมื่อปี 2530 โดยขณะนั้นได้ขอก่อสร้างเป็นอาคาร 12 ชั้นเท่านั้น ซึ่ง กทม.พยายามแจ้งให้เจ้าของอาคารดำเนินการขอใบรับรองร.1 แต่เจ้าของอาคารยังไม่ได้ดำเนินการแก้ไขมาจนถึงปัจจุบัน และพบว่ามีการต่อเติมเพิ่มอีก 2 ชั้น คือ ชั้นที่ 13-14 อย่างผิดกฎหมาย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ โดยจะสั่งการให้สำนักงานเขตราชเทวีรื้อถอนส่วนต่อเติมที่ผิดกฎหมายอย่างรวดเร็วที่สุดเช่นเดียวกับกรณีอาคารดิเอทัส
