สงกรานต์ มาหยา-สิมิลัน-อ่าวพังงา นักท่องเที่ยวทะลัก วันละ 9 พันคน มาตรฐานรับ ได้แค่ 100 คนต่อชม.

วันที่ 14 เมษายน ผศ.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณะบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า วันหยุดเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ เป็นไปอย่างที่คาดการณ์เอาไว้คือ มีนักท่องเที่ยว เข้าไปเที่ยวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลจำนวนมาก และมากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 พื้นที่หลัก คือ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ที่เกาะพีพี กับ อ่าวมาหยา อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และที่ อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ที่พบว่า นักท่องเที่ยวล้นทะลัก ซึ่งแน่นอนว่า ปราปกฏการณ์เช่นนี้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเองไม่ได้มีการออกแบบเอาไว้ เพื่อรับมือนักท่องเที่ยวที่เข้ามาทีเดียวเวลาเดียวพร้อมกันมากมายขนาดนี้ ทำให้ระบบการจัดการทุกอย่างทำได้ไม่เต็มที่

“เราไม่ได้ว่า ว่าอุทยานฯไม่เก่ง เพราะยอมรับว่าทุกวันนี้ เจ้าหน้าที่อุทยานฯทุกคนทำงานกันอย่างเต็มที่แล้ว แต่ด้วยความจำกัดหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องการใช้ภาษา ไม่เพียงแต่ภาษาอังกฤษเท่านั้น ยังมีภาษาจีน และภาษาแปลกๆอื่นๆอีกมาก ที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถสื่อสารกับนักท่องเที่ยวได้ ต้องวิ่งกันหัวหมุน วันหยุดสงกรานต์คนอื่นได้หยุดพักผ่อนกัน แต่เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ไม่ได้หยุดเลย แถมยังต้องทำงานหนักกว่าปกติในช่วงเวลานี้ถึง 3 เท่า นอกจากนี้ ป้ายตักเตือน บอกกล่าว ก็ไม่พอเพียงที่จะทำให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้เข้าใจ จึงมีการทำผิดระเบียบ รวมไปถึงกฏหมายที่เรากำหนดเอาไว้จำนวนมาก”ผศ.ธรณ์ กล่าว

ผศ.ธรณ์ กล่าวว่า จากสถิติ ของกรมอุทยานแห่งชาติ พบว่า ปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย กว่า 70 % มุ่งหน้าไปท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติทางทะเล โดย 70% ที่เข้ามาเที่ยวนั้นเป็นชาวจีน เป็นคนไทยไม่ถึง 5% ที่้เหลือเป็นชาติอื่นๆ เช่น ฟินแลนด์ นอรเวย์ เดนมาร์ก เป็นต้น พบว่า ที่อุทยานแห่งชาติเกาะสิมิลันนั้น มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเฉลี่ยวันละ 6-7,000 คน อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี โดยเฉพาะที่เกาะพีพี ประมาณ 5,000 คน ต่อวัน และที่อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ประมาณ 9,000 คน ต่อวัน ทั้งนี้ กรมอุทยานฯแห่งชาติ ได้ประกาศความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยว ของพื้นที่ที่กล่าวมานี้แค่ช่วงละ หรือชั่วโมง 100 คนเท่านั้น ถือว่า เวลานี้มีนักท่องเที่ยวล้นทะลักแล้ว”ผศ.ธรณ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องวางแผนกันเอาไว้ว่า จะมีการจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมของพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลไว้ไม่ให้ได้รับความเสียหาย ไม่สามารถทำได้ใช่หรือไม่ ผศ.ธรณ์ กล่าวว่า ตอนนี้คงไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ได้แต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ ต้องยอมรับว่า จุดประสงค์หลักเดิมทีเดียวของอุทยานแห่งชาติทางทะเลนั้น เพื่อให้เป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ แต่ต่อมา มีการเปลี่ยนแปลงไปเองคือ มีนักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวมากขึ้น และมากจนล้นทะลักในขณะที่อุทยานฯเหล่านี้ยังไม่สามารถปรับตัวได้

Advertisement

“อย่างไรก็ตามเราได้ทำแผนเพื่อนำเสนอไปยังกรมอุทยานแห่งชาติฯและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 3 ข้อ คือ 1.ปิดอ่าวมาหยา ในช่วงที่มีนักท่องเที่ยวล้นทะลัก 2.พื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลบริเวณไหนที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวมากๆ ให้กำหนดเป็นพื้นที่พิเศษ ซึ่งจะต้องเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจากเดิม นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯปกติ และ 3.อุทยานฯทางทะเลจะต้องปฏิรูปตัวเองใหม่ สำหรับการบริหารจัดการพื้นที่โดยเฉพาะ”ผศ.ธรณ์กล่าว

ผศ.ธรณ์ กล่าวว่า ข้อเสนอทั้งหมด บางเรื่องก็ปฏิบัติไปแล้ว เช่น มีการปิดเกาะ ปิดพื้นที่บางแห่ง เพื่อให้พื้นที่ได้มีการฟื้นตัว ส่วนการเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มนั้น จะไม่ทำให้นักท่องเที่ยวคนได้ได้รับผลกระทบ เพราะจะเก็บเพิ่มเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น โดยเวลานี้ พื้นที่เกาะสิมิลัน นักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ 500 บาท เกาะพีพี 400 บาท และอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา คนละ 300 บาท ส่วนคนไทย 40 บาท ส่วนอัตราค่าเข้าไปเหยียบพื้นที่พิเศษ ยังไม่ได้กำหนดตัวเลข

Advertisement

“สำหรับข้อเสียของการที่มีนักท่องเที่ยวล้นทะลักนั้นพื้นฐานเลย เวลานี้ ขยะล้นเกาะ โดยเฉพาะขยะพลาสติก มีการเหยียบย่ำทำลายปะการัง โดยที่เจ้าหน้าที่ดูแลไม่ทั่วถึง ห้องน้ำ ห้องส้วมไม่มีเพียงพอ เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ และแม้เราจะพยายามประชาสัมพันธ์เรื่องห้ามให้อาหารปลาในทะเลบ แต่ก็ยังพบว่า มีนักท่องเที่ยวให้อยู่ทุกวัน จับได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ยังมีอยู่”ผศ.ธรณ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image