กรณีที่มีการแชร์ภาพ นักท่องเที่ยวต่างประเทศได้รับบาดเจ็บ มีเลือดไหลโชกบริเวณข้อเท้า ขณะเล่นน้ำที่บริเวณ หาดทรายน้อย บ้านหนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 15 เมษายน โดยมีการสันนิษฐานกันว่า นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวน่าจะถูกฉลาม หรือไม่ก็ตัวเพรียงในทะเลกัดนั้น
วันที่ 16 เมษายน ผศ.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร แต่จากรูปเห็นสภาพเลือด สันนิษฐานว่า ไม่น่าจะเกิดจากตัวเพรียง แต่น่าจะเป็นฉลามหูดำมากกว่า เพราะเวลานี้มีฉลามหูดำว่ายน้ำอยู่ตามชายหาดต่างๆเยอะ
เมื่อถามว่า ไหนบอกว่า ฉลามหูดำน่ารักเหมือนแมว เหมือนหมา ไม่ดุ ผศ.ธรณ์ กล่าวว่า น่ารัก ไม่ได้หมายความว่าไม่กัดใคร ก็เหมือนหมาแมวที่น่ารักก็กัดคนเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามไม่ใช่การกัดแบบมุ่งทำร้าย แต่ฉลามตัวดังกล่าวอาจจะคิดว่าเท้าของนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวเป็นปลาก็ได้จึงลองงับดู ทั้งนี้ฉลามทุกตัวทุกชนิดมีฟันแหลมคมทั้งสิ้น เมื่อกัดใครย่อมมีเลือดออกมากเสมอ
“แต่อย่าไปกลัวนะครับ เรื่องแบบนี้นานๆเกิดขึ้นสักครั้ง ในประเทศไทยเราปีหนึ่งๆมีการท่องเที่ยวทะเลเกิดขึ้นปีละประมาณหนึ่งร้อยล้านครั้ง โอกาสที่จะถูกฉลามกัดมีแค่ปีละครั้งเท่านั้น หรือมีสัดส่วนแค่ 1 ต่อ สองร้อยล้านครั้ง ต่อปี และยังยืนยันว่า ฉลามหูดำไม่ใช่ฉลามอันตราย และไม่ได้ทำร้ายคน ตามสถิติแล้วในประเทศไทย เคยมีคนถูกฉลามกัดตายครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2508 ชื่อนายแฉล้ม ถูกกัดที่ จ.ชลบุรี โดยฉลามเสือ หลังจากนั้นก็มีนักท่องเที่ยวถูกกัดที่น่อง ได้รับบาดเจ็บ ไม่ตาย ที่เกาะพะงัน สำหรับผมแล้ว การเที่ยวทะเลในเมืองไทยฉลามไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวเลย นักดำน้ำอยากเห็นด้วยซ้ำ”ผศ.ธรณ์ กล่าว
รองคณะบดีคณะประมง กล่าวว่า สิ่งที่น่ากลัวและต้องระวังมากๆสำหรับการเที่ยวทะเลในประเทศไทยแล้ว มี 6 อย่าง ที่อยากจะเตือนนักท่องเที่ยว ซึ่งน่ากลัวกว่าฉลามมากนัก ประกอบด้วย 1.เรือเร็ว หรือสปีดโบ้ท โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุถูกเรือเร็วชนมีมากกว่าถูกฉลามกัดหลายเท่า ซึ่งสถิตินักท่องเที่ยวถูกเรือชนตายระหว่างเล่นน้ำมีอย่างน้อยปีละ 2 คน และได้รับบาดเจ็บสาหัสปีละหลายคน โดยเฉพาะพื้นที่ ที่มีเรือเร็ววิ่งเยอะๆ ไม่ต้องให้ตนบอกว่าที่ไหนบ้าง 2.แมงกะพรุนกล่อง ที่ตอนนี้เพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆพบอยู่หลายหาด ที่ผ่านมามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสัมผัสแมงกะพรุนกล่องแล้วหลายร้อยคน แต่แค่ได้รับบาดเจ็บ หนักบ้าง เบาบ้าง แต่ยังไม่มีใครเสียชีวิต 3.การเหยียบขยะทะเล โดยเฉพาะแก้ว หรือวัตถุแหลมๆ แต่ละปีพบผู้ได้รับบาดเจ็บเรื่องนี้ไม่ใช่น้อย 4.ปลากระเบนตัวเล็กๆที่เรียกว่า ปลาจ้องม้อง ซึ่งมักจะอยู่ตามหาดทรายน้ำตื้นๆ หากไปเหยียบหรือทำให้ตกใจอาจจะถูกเงี่ยงแทงเอาได้ 5.สิ่งมีพิษตามแนวปะการัง ไม่ว่าจะเป็นหอยเม่น หรือปะการังไฟ
“อีกเรื่องที่หลายคนคิดไม่ถึง แต่พบว่า มีอัตราผู้เสียชีวิตไม่น้อยเหมือนกัน นั่นการดำน้ำแบบสน็อกเกิ้ล หรือดำน้ำผิวน้ำ อาจจะทำให้ตายได้หากดำไม่ถูกวิธี มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิตมาแล้ว เพราะใช้ท่อ หายใจไม่ถูกวิธีทำให้หายใจเอาปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปมาก ทั้งนี้ มีนักท่องเที่ยวทางทะเลจำนวนหนึ่งที่ลงไปดำน้ำแบบสน็อคเกิ้ล โดยที่้ร่างกายไม่พร้อม ไม่แข็งแรงพอ และผ่านการดื่มสุรามา และคิดว่า การดำน้ำแบบนี้ง่ายใครๆก็ทำได้ หนักไปกว่านั้น บางคนลงไปดำคนเดียว หรือแม้กระทั่งดำเป็นกลุ่ม แต่ไม่รู้จักใครเลย จึงไม่มีใครสนใจว่ามีความผิดปกติอะไรขึ้นบ้าง คือคว่ำหน้าอยู่ใต้น้ำนิ่งๆไม่มีใครรู้ว่าตายแล้ว จึงขอแนะนำว่า การดำน้ำสน็อคเกิ้ล จะต้องมีบัดดี้ หรือมีคู่ไปด้วยทุกครั้ง หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นจะได้หาทางช่วยเหลือกันให้ทันท่วงที”ผศ.ธรณ์กล่าว