เมื่อวันที่ 27 เมษายน นายวีรพงษ์ เกรียงสินยศ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิสุขภาพไทย กล่าวว่า จากการที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ออกมาเปิดเผยผลวิจัยสูตรสมุนไพรหมอแสง หรือนายแสงชัย แหเลิศตระกูล ว่าไม่มีผลยับยั้งมะเร็งเช่นนั้น ตนคิดว่ายังมีความคลุมเครืออยู่ เพราะเป็นการเปิดเผยด้วยปากเท่านั้น แต่กลับไม่มีการเปิดเผยผลการศึกษาทางวิชาการที่เป็นระบบชัดเจนออกมา ซึ่งหากบอกว่าไม่มีส่วนผสมที่สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ ก็ต้องเปิดเผยว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง ปริมาณเท่าไหร่ หรือหากมีส่วนผสมที่เป็นสารที่จะออกฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งได้ต้องมีปริมาณเท่าไหร่ เพราะถ้าไม่บอกเช่นนี้ก็จะเกิดประเด็นดังที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ คือ กลุ่มคนรักหมอแสงก็งัดผลวิจัยว่ามีผลรักษามะเร็งออกมาตอบโต้ สธ. ว่าในตัวสมุนไพรมีส่วนผสมของเห็ดกระถินพิมานที่เป็นส่วนผสมสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้อีก ซึ่งทำให้เกิดความคลุมเครือทำให้ประชาชนเกิดความสับสน
“หากบอกว่ามีผลทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ก็ต้องมีการศึกษาว่ามีผลอย่างไรให้ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น เหมือนน้ำผลไม้หรือไม่ที่ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบ 5 หมู่หรือไม่ เป็นต้น และ ก็ต้องย้อนกลับไปให้ชัดเจนว่าแคปซูลสมุนไพรดังกล่าวนั้นเรียกว่าอะไร อาหาร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพราะที่ผ่านมาเมื่อดูที่เจตนาของหมอแสงในการแจกนั้นออกไปทางยารักษาโรค ดังนั้นเมื่อไปทางนั้น และเพื่อเป็นการคุ้มครองประชาชน หน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบโดยตรง คือ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ต้องออกมาแสดงหน้าที่อะไรด้วยหรือไม่ เนื่องจากดูแลพ.ร.บ.ยาฯ อยู่ “ นายวีรพงษ์ กล่าว
นายวีรพงษ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่กังวล ขณะนี้คือ คำสัมภาษณ์ของหมอแสง ได้มีการทดลองในมนุษย์ และมีผู้เสียชีวิต 3-5 ร้อยคน ซึ่งนั่นหมายถึงว่าเป็นการวิจัยในมนุษย์ แม้ผู้ป่วยจะอยู่ระยะสุดท้าย แต่ก็ต้องมีกติกาควบคุมหรือไม่ แต่กลับไม่มีกระบวนการของหน่วยงานที่รับผิดชอบรองรับเลย ซี่งจริงๆ สธ.ก็น่าจะมีคณะกรรมการจริยธรรมคุ้มครองการทดลองในมนุษย์อยู่แล้ว หากหมอแสง ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหมอพื้นบ้าน จากรมการแพทย์แผนไทยฯ แล้วควรมีจริยธรรม จรรยาบรรณในเรื่องนี้ด้วยถึงแม้จะอ้างว่าได้รับการอนุญาตจากญาติ และตัวผู้ป่วยก็พร้อมจะรับความเสี่ยงแล้ว ซึ่งก็ทราบว่ามีการไปลงบันทึกประจำวันเพื่อป้องกันตัวเองด้วย
“เมื่อเป็นเช่นนี้มีการวิจัยทดลองในมนุษย์ ในส่วนของเจ้ากระทรวงซึ่งรับผิดชอบคุ้มครองสุขภาพประชาชนทั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ต้องตอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่าจะเอายังไงตามพื้นฐานของงานวิจัยที่ถูกต้อง โดยเฉพาะตัวสมุนไพรดังกล่าวที่เป็นการคิดค้นขึ้นมาใหม่ ต้องมีการควบคุมอย่างเป็นระบบไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนได้รับความเสี่ยง”นายวีรพงษ์ กล่าว