กรมอุทยานฯปล่อย “หมีโฮก” กลับบ้าน ดงพญาเย็น ไม่อาลัยอาวรณ์ใคร มุ่งตรงเข้าป่าอย่างมีความสุข(ชมคลิป)

วันที่ 8 พฤษภาคม นส.กาญจนา นิตยะ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติปางสีดา จ.ปราจีนบุรี เพื่อนำ หมีโฮก หมีควายน้ำหนักประมาณ 90 กิโลกรัม ไปปล่อยในป่าธรรมชาติ

นส.กาญจนา ให้สัมภาษณ์ว่า หมีควายตัวดังกล่าวเคยออกมาอาละวาดทำร้ายประชาชนที่อาศัยอยู่ข้างป่า จนได้รับบาดเจ็บ และไม่ยอมกลับเข้าป่า ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา ร่วมกับ เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 ปราจีนบุรี ทหาร อาสาสมัคร จับมาได้เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2559
เมื่อจับได้ จึงนำไปดูแล ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าช่องกล่ำบน จ.สระแก้ว โดยมีทีมสัตวแพทย์ของกรมอุทยานแห่งชาติดูแลอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม หมีโฮก ยังคงมีพฤติกรรมดุร้ายไม่คุ้นคน ดูท่าทางอยากกลับป่าใหญ่ตลอดเวลา

“ตลอดเวลาที่เราดูแลเจ้าหมีโฮก มันไม่คุ้นกับใครเลย มีความตื่นตัวอยากจะกลับบ้านตลอดเวลา แต่ตอนนั้นยังไม่มีความพร้อมหลายอย่าง เคยวางแผนจะเอาไปปล่อยก่อนหน้านี้ แต่ตอนนั้นมีข่าวเรื่องเอาหมีไปปล่อย แต่หมีเกิดตกเฮลิคอปเตอร์ลงมาตายเสียก่อน โครงการปล่อยหมีโฮกจึงต้องชะงักไปชั่วคราว”นส.นิตยา กล่าว

Advertisement

ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กล่าวว่า กระทั่งวันนี้ ได้ช่วงเวลาที่เหมาะสม เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปสำรวจพื้นที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าดงพญาเย็น แหล่งที่อยู่อาศัยของหมีแต่ดั้งเดิม จึงวางแผนที่นำหมีโฮกไปปล่อยอีกครั้ง

“วันนี้เราเดินทางไปรับหมีตั้งแต่ยังไม่สว่าง โดยเตรียมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆไว้เป็นอย่างดี มีกรง ซึ่งใช้ไม้ไผ่ตีกันเอาไว้ไม่ให้หมีสามารถมองออกมาด้านนอกได้ เวลาราว 6 โมงเช้า ได้ยิงยาสลบ แล้วรอจนมันซึมและสลบแล้ว จึงได้ไปอุ้มมาไว้ในกรง กะขนาดของตัวยาให้พอดีกับการเดินทางที่จะเอาไปปล่อย ไม่ให้มันฟื้นขึ้นมากลางทาง ซึ่งผลการปฏิบัติการทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี จนกระทั่งถึงพื้นที่ ที่จะปล่อยเจ้าหมีโฮก เราก็ฉีดยาแก้ซึม รอให้มันฟื้น และปรับตัวเข้ากับพื้นที่อีกพักใหญ่ จากนั้นก็ค่อยๆเปิดกรงขึ้น มันก็ค่อยๆเดินออกมา และเข้าป่าไปช้าๆ อย่างไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์ใคร คิดว่ามันคงรอเวลานี้ ที่จะได้กลับคืนบ้านมานาน”นส.กาญจนา กล่าว

Advertisement

เมื่อถามว่า หมีโฮกจะสามารถออกจากป่า และทำร้ายคนได้อีกครั้งหรือไม่ นส.กาญจนา กล่าวว่า จุดที่นำหมีโฮกไปปล่อนนั้น เป็นใจกลางของป่าดงพญาเย็น คือป่าลึกมาก มั่นใจว่าหมีโฮกจะไม่สามารถออกนอกป่ามาอีก

“แต่คาดว่าภายในวัน สองวันนี้ หมีโฮกคงยังไม่ไปไหนไกล มันอาจจะป้วนเปี้ยนอยู่ในบริเวณที่เราเอามาปล่อยสักพัก ดังนั้น เราจึงทิ้งอาหารไว้เพื่อให้ เขาปรับตัวเล็กน้อย คือ กล้วย ข้าวคลุก และเนื้อหมู แต่คิดว่าถึงแม้จะไม่ทิ้งไว้ให้ มันก็อยู่ได้ เพราะมันเป็นหมีที่มีสัญชาตญาณป่าสูงมาก ไม่เชื่อง ไม่เป็นมิตรกับใคร ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับเรา การนำมาปล่อยป่าครั้งนี้ ถือเป็นการประสบความสำเร็จอย่างยิ่งสำหรับการปล่อยสัตว์ โดยเฉพาะหมี ซึ่งเป็นสัตว์ใหญ่คืนสู่ป่า ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้ฝังไมโครชิพติดไว้ที่ยบริเวณผิวหนัง เพื่อติดตามการดำรงชีวิตของหมีโฮกเอาไว้แล้ว”ผู้อำนวยการาสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image