อุทยานฯ ฟื้นฟูอ่าวมาหยา 4 เดือน ห้ามทำกิจกรรม หน้าหาดเด็ดขาด

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) กล่าวว่า สืบเนื่องจากการที่กรมอุทยานฯ จะดำเนินการประกาศปิดอ่าวมาหยาในเขตอุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทั้งบนบกและใต้ทะเลในช่วงฤดูมรสุม เป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน – 30 กันยายน 2561 ซึ่งเป็นมติจากที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวิชาการจัดการอุทยานแห่งชาติทางทะเล ครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม เนื่องจากทรัพยากรแนวปะการังบริเวณอ่าวมาหยา ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากจากกิจกรรมการท่องเที่ยว ได้แก่ กิจกรรมการดำน้ำตื้น การทิ้งสมอเรือ การเข้า-ออกของเรือสปีดโบ้ทและเรือหางยาวเพื่อรับส่งนักท่องเที่ยว ซึ่งในแต่ละวันมีจำนวนนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 3,000 -4,000 คน ซึ่งสังเกตได้จากซากปะการังที่แตกหักบริเวณพื้น และแนวปะการังบริเวณใกล้ชายหาด ซึ่งมีเรือเข้าออกตลอดเวลาไม่มีปะการังที่มีชีวิตเหลืออยู่ ในช่วงการปิดอ่าวมาหยาระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน- 30 กันยายน นั้น จะห้ามทำกิจกรรมการท่องเที่ยวบริเวณอ่าวมาหยาโดยเด็ดขาด แต่อนุญาตให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวนำเรือเข้ามาลอยลำนอกบริเวณแนวทุ่นไข่ปลาที่กั้นแนวเขตห้ามเข้าไว้ หลังจากมีการก่อสร้างสะพานเทียบเรือและทางเดินบริเวณอ่าวโล๊ะซามะเรียบร้อยแล้ว จะดำเนินการปิดไม่ให้เรือวิ่งเข้าออกบริเวณอ่าวมาหยาอย่างถาวร โดยให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมอ่าวมาหยาผ่านทางอ่าวโล๊ะซามะเท่านั้น

นายธัญญา กล่าวว่าเมื่อวันที่ 22 เมษายน กรมอุทยานฯ ได้นำทีมวิศวกรและสถาปนิกลงพื้นที่เพื่อออกแบบสะพานและทางเดินให้เหมาะสมและกลมกลืนกับสภาพพื้นที่ และให้ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติน้อยที่สุด ในระหว่างนี้ กรมอุทยานฯ จะดำเนินการจัดทำแปลงอนุบาลปะการัง โดยพิจารณาใช้วิธีการที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เช่น การขยายพันธุ์ปะการังด้วยวิธี coral propagationซึ่งเป็นวิธีการที่ง่ายและกลมกลืนกับสภาพธรรมชาติ โดยการนำเศษปะการังที่แตกหักมาใช้ในการขยายพันธุ์ และการทำ coral tree เพื่อเตรียมกิ่งพันธุ์สำหรับใช้ในการปลูกขยายพันธุ์ปะการัง ภายหลังจากที่มีการปิดไม่ให้เรือวิ่งเข้าออกบริเวณอ่าวมาหยาเป็นการถาวรแล้ว จะเชิญผู้ประกอบการ ภาคเอกชน หน่วยงานราชการ และจิตอาสามาร่วมดำเนินการปลูกปะการังเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศใต้ทะเลเพื่อสร้างจิตสำนึกในการดูแลรักษาทรัพยากรโดยใช้กลไกประชารัฐ ซึ่งจะส่งผลให้การดูแลทรัพยากรแนวปะการังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น

นายธัญญา กล่าวอีกว่า ส่วนทรัพยากรบนบก จะดำเนินการแก้ไขปัญหาการพังทลายของเนินทรายหน้าชายหาด โดยการปลูกพันธุ์ไม้ป่าชายหาด โดยคัดเลือกชนิดพันธุ์ที่มีอยู่ในพื้นที่ เช่น รักทะเล เตยทะเล สวาด คันทรง เป็นต้น เพื่อช่วยยึดหน้าดิน ป้องกันการพังทลายของเนินทรายหน้าชายหาดมีการติดตามการเปลี่ยนแปลงของสังคมพืชบริเวณดังกล่าวอย่างต่อเนื่องจัดทำเส้นทางเดินยกระดับ (boardwalk) ตั้งแต่แนวสังคมพืชชายหาด ไปยังด้านในอ่าวและบริเวณห้องน้ำ เพื่อลดการเหยียบย่ำของนักท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องมีการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมถึงรูปแบบและวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีความกลมกลืนกับสภาพธรรมชาติ

นายธัญญา กล่าวว่า กรมอุทยานฯ กำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวหลังจากที่อ่าวมาหยาเปิดการท่องเที่ยวตามปกติในเดือน ตุลาคม จะมีกำหนดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวได้ไม่เกิน 2,000 คนต่อวัน ซึ่งจะใช้มาตรการหลายอย่างควบคู่กัน ทั้งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะรอง รวมถึงความเป็นไปได้ในการขึ้นค่าธรรมเนียมการเข้าชมอุทยานฯทางทะเล โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในจุดท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น อ่าวมาหยา หรืออ่าวตาชัย อุทยานฯ สิมิลันที่จะเปิดให้เข้าไปท่องเที่ยวต่อไป ตลอดจนการพัฒนาระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์เข้าอุทยานฯ เพื่อจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อความโปร่งใสในการจัดเก็บเงินรายได้อุทยานฯ ด้วย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image