ก.แรงงาน แจง รัฐบาลคุ้มครองแรงงานประมง ยึดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเท่าเทียม

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม นางเพชรรัตน์ สินอวย รองปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อมวลชนได้เผยแพร่ผลการวิจัยเกี่ยวกับสิทธิของแรงงานประมงและการทำประมงแบบไม่ยั่งยืน ซึ่งเป็นผลการวิจัยของเครือข่ายประมงพื้นบ้านร่วมกับองค์การภาคประชาสังคมด้านแรงงาน สาระสำคัญระบุว่า 1.ขอให้ภาครัฐเข้ามาตรวจสอบชั่วโมงการทำงานให้ชัดเจนและครอบคลุมมากขึ้น 2.แรงงานส่วนใหญ่ถูกนายจ้างยึดเอกสารสำคัญไว้ 3.ขอให้รัฐบาลและภาคเอกชนร่วมกันออกกฎหมายห้ามเรียกเก็บค่านายหน้าจากแรงงานข้ามชาติ ปรับปรุงให้มีช่องทางการสื่อสารร้องเรียนกับแรงงาน จัดตั้งศูนย์สวัสดิการฯ 4.ปัจจุบันยังมีการทำประมงด้วยอวนลากและอวนล้อมปั่นไฟกลางคืน ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อทะเลไทย 5.ขอให้รัฐบาลบริหารจัดการทรัพยากรทะเล รวมทั้งยังระบุว่าการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย หรือไอยูยู ( IUU )ยังทำไม่ได้จริงนั้น

“เรื่องนี้กระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสิทธิของแรงงานในกิจการประมง ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับสภาพการจ้าง สภาพการทำงาน รวมถึงการแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานบังคับ การค้ามนุษย์ และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย โดยมุ่งเน้นการตรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจในเรื่องสิทธิหน้าที่ และการดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดแก่ลูกจ้าง นายจ้าง และผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยได้ดำเนินการ ดังนี้ กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) ได้พยายามปรับปรุงการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ ให้แรงงานภาคประมงได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายอย่างเต็มที่ ซึ่งมีความคืบหน้ามาโดยลำดับ ได้แก่ การตรวจแรงงาน หากพนักงานตรวจแรงงานพบว่ามีกำหนดเวลาพักไม่ถูกต้อง และฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงานภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนในทันที”นางเพชรรัตน์ กล่าว และว่า นับตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2561 เป็นต้นมา กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดตั้งทีมตรวจจับพิเศษทางทะเลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น

สำหรับการติดตามผลการดำเนินการ นางเพชรรัตน์ กล่าวว่า ได้กำชับให้พนักงานตรวจแรงงานที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า – ออกเรือประมง (PIPO) ใน 22 จังหวัดติดชายทะเลให้ตรวจสอบเรือประมงทุกลำ ที่แจ้งเข้า – ออก พร้อมรายงานผลการตรวจแรงงานเป็นประจำทุกวัน โดยระหว่าง 1- 18 พฤษภาคม 2561 พบการกระทำความผิดทั้งหมด 70 ลำ โดยเป็นกรณีกระทำผิดในเรื่องเวลาพัก จำนวน 20 ลำ ซึ่งได้ออกคำสั่งให้นายจ้างดำเนินการแก้ไขให้ปฏิบัติถูกต้องตามระยะเวลาที่ หากนายจ้างไม่ปฏิบัติตามจะส่งเรื่องดำเนินคดีต่อไป

นางเพชรรัตน์ กล่าวว่า ส่วนปัญหาสำคัญที่พบ คือ การสื่อสารด้านภาษากับแรงงานต่างด้าว ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ดำเนินการจัดจ้างผู้ประสานงานด้านภาษาประจำศูนย์ (PIPO) ทุกศูนย์ จำนวน 30 ศูนย์ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ โดยได้เผยแพร่ข้อมูลกฎระเบียบและมาตรการคุ้มครองสิทธิของแรงงาน รวมถึงกรมการจัดหางานได้เปิดช่องทางการรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ อาทิ โทรศัพท์สายด่วน กรมการจัดหางาน โทร.1694 และเปิดระบบรับแจ้งปัญหาแรงงานต่างด้าว/แรงงานไทย ชื่อ DOE Help Me ทางเว็บไซต์ www.doe.go.th/helpme โดยแรงงานสามารถเลือกภาษาได้ 6 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษากัมพูชา ภาษาลาว ภาษาเมียนมา และภาษาเวียดนาม เพื่อให้แรงงานข้ามชาติ ในภาคประมง มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน โดยเผยแพร่ผ่านช่องทางต่าง ๆ ในภาษาของแรงงานต่างด้าว พร้อมกันนี้ได้จัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการในภาคประมงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด ส่วนกรณีการเรียกเก็บค่านายหน้าและการยึดใบอนุญาตทำงานจากแรงงานต่างด้าวนั้น ปัจจุบันกฎหมายก็ได้กำหนดไว้แล้วว่า ห้ามเรียกเก็บค่าบริการและค่าใช้จ่าย จากคนต่างด้าวทุกกรณีในการนำเข้าแรงงานต่างด้าวมาทำงานในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมาย และการยึดใบอนุญาตทำงานหรือเอกสารสำคัญประจำตัวของแรงงานต่างด้าวไว้นั้นถือเป็นความผิดตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามจากการตรวจที่ผ่านมายังไม่พบการกระทำผิดในเรื่องดังกล่าว

Advertisement

“ทั้งนี้ กระทรวงแรงงาน จะยังคงดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาแรงงานภาคประมงไปอย่างต่อเนื่อง โดยพัฒนากลไกการดำเนินการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคุ้มครองสิทธิของแรงงานต่างด้าวและสอดคล้องตามหลักสิทธิมนุษยชน”นางเพชรรัตน์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image